วานนี้ (14 มีนาคม) ประธานาธิบดีซิโอมารา คาสโตร ของฮอนดูรัส ทวีตข้อความว่า เธอได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฮอนดูรัสหันไปเจริญความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับจีน ซึ่งเท่ากับว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะนำไปสู่การตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันโดยปริยาย และหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลให้ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวันเหลือแค่เพียง 13 ประเทศ
ที่ผ่านมานั้น จีนไม่อนุญาตให้ประเทศที่สถาปนาสัมพันธ์กับตนเองรักษาสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เป็นไปตามหลักการจีนเดียว (One-China Principle) ที่ระบุว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน โดยปัจจุบัน ฮอนดูรัสเป็น 1 ใน 14 ประเทศทั่วโลกที่ให้การรับรองไต้หวัน
ทั้งนี้ ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง คาสโตรเคยประกาศนโยบายว่าเธอสนับสนุนให้ฮอนดูรัสตัดสัมพันธ์กับไต้หวัน และหันมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนอย่างเต็มรูปแบบ โดยข้อความในทวิตเตอร์ของเธอระบุว่า การตัดสินใจที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณของความมุ่งมั่นที่ว่าเธอจะเติมเต็มแผนงานของรัฐบาล และขยายพรมแดนออกไปให้กว้างกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายจับตาว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นพร้อมกับช่วงเวลาที่รัฐบาลของคาสโตรเพิ่งประกาศไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ทางการฮอนดูรัสกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับจีนเพื่อก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่มีชื่อว่า ‘ปาตูกา 2’ (Patuca II)
ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันได้ออกมากล่าวในวันนี้ (15 มีนาคม) ว่าทางการไต้หวัน ‘มีความวิตกกังวลอย่างมาก’ ต่อการประกาศของผู้นำประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ฮอนดูรัสพิจารณาการตัดสินใจดังกล่าวอย่างรอบคอบ และ ‘อย่าตกลงไปในหลุมพรางของจีน’ จนทำลายความสัมพันธ์อันดีที่มีมายาวนานระหว่างสองดินแดน
ถ้อยแถลงของกระทรวงฯ ระบุว่า “ไต้หวันเป็นพันธมิตรที่จริงใจและไว้วางใจได้ ประเทศของเราได้ช่วยเหลือฮอนดูรัสในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มความสามารถเสมอมา เป้าหมายเดียวของจีนในการสถาปนาความสัมพันธ์กับฮอนดูรัสคือการลดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไต้หวัน จีนไม่ได้มีความตั้งใจจริงที่จะประสานความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ของชาวฮอนดูรัส”
อนึ่ง จีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลฮอนดูรัสก็ยังไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่าจะตัดสัมพันธ์กับไต้หวันเลยหรือไม่ โดย เอดูอาร์โด เรอินา รัฐมนตรีต่างประเทศฮอนดูรัสกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า ทางการจะพิจารณาประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจัง และจะยึดผลประโยชน์สูงสุดสำหรับชาวฮอนดูรัสเป็นสำคัญ
ภาพ: Manuel Cortina/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: