สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย พบกันที่อุซเบกิสถานแล้วในวันนี้ (15 กันยายน) ท่ามกลางการจับตาจากทั่วโลก เนื่องจากเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสอง นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกทำสงครามในยูเครน นอกจากนี้ ยังมีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ท้าทาย ทั้งสำหรับรัสเซียที่กำลังเผชิญการถดถอยครั้งใหญ่ในสงครามยูเครน และจีนที่เผชิญภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
รายงานข่าวระบุว่า สีจิ้นผิงกล่าวว่า “เขาดีใจมากที่ได้พบ ‘เพื่อนเก่า’ อีกครั้ง”
ด้านปูตินแสดงความชื่นชมจีนที่วางตัวเป็นกลางเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า รัสเซียเข้าใจดีว่า จีนมีคำถามและข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เราขอยกย่องเพื่อนชาวจีนของเราที่แสดงจุดยืนเป็นกลางเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน” ปูตินกล่าวกับสี
“เราเข้าใจคำถามและข้อกังวลของท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแน่นอนว่าในระหว่างการประชุมวันนี้ เราจะชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดนี้อย่างชัดเจน” ปูตินกล่าว โดยเขาเรียกสีจิ้นผิงว่า “เพื่อนรักและเพื่อนเก่า”
ผู้นำรัสเซียกล่าวเสริมด้วยว่า รัสเซียยึดมั่นในหลักการจีนเดียว และ “ประณามการยั่วยุ” ของสหรัฐอเมริกาในไต้หวัน พร้อมทั้งกล่าวว่า ความพยายามที่สกปรกของสหรัฐฯ ในการสร้างโลกที่มีขั้วเดียวจะล้มเหลว
การพบปะกันระหว่างผู้นำจีนและรัสเซียมีขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation: SCO) ที่นครซามาร์คานด์ ของอุซเบกิสถาน
สำหรับปูติน การเข้าร่วมประชุมดังกล่าวเป็นการส่งข้อความสำคัญว่า เขายังคงมีอิทธิพลในกลุ่มประเทศที่มีมุมมองแบบเผด็จการเหมือนกัน และมุ่งมั่นที่จะสร้างระเบียบโลกใหม่ที่ไม่ได้ครอบงำโดยสหรัฐฯ อีกต่อไป
ขณะที่สำหรับสีจิ้นผิงแล้วนั้น การเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปีถือเป็นการกลับมาสร้างความโดดเด่นทางการทูตอีกครั้งก่อนการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนตุลาคม ท่ามกลางความคาดหมายว่า เขาจะได้รับฉันทามติจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งผู้นำเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ เหมาเจ๋อตง
สถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีน รายงานเกี่ยวกับการพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองว่า จีนยินดีให้การสนับสนุนรัสเซียอย่างเต็มที่ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของตน โดยที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงยูเครนแต่อย่างใด
ที่ผ่านมา จีนไม่ได้ออกมาประณามการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน ทั้งยังหลีกเลี่ยงการเรียกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ‘สงครามหรือการรุกราน’ ซึ่งสอดคล้องกับรัสเซียที่เรียกการสู้รบในยูเครนว่า “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ”
ครั้งสุดท้ายที่สีจิ้นผิงและปูตินพบกันแบบเผชิญหน้านั้นเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งในการพบกันครั้งนั้น ผู้นำทั้งสองได้ประกาศเริ่มต้นความเป็นหุ้นส่วนที่ไร้ขีดจำกัด และลงนามสัญญาว่าจะร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อต่อกรกับชาติตะวันตก
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่นั้นมา รัสเซียดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในสงครามมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเศรษฐกิจรัสเซียถูกคว่ำบาตรครั้งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจากชาติตะวันตก ซึ่งผลพวงจากสงครามทำให้ปักกิ่งที่เผชิญภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอยู่แล้วจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ต้องสงวนท่าทีไม่ให้การสนับสนุนรัสเซียอย่างออกหน้าออกตา เพราะอาจถูกร่างแหโดนคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจตามไปด้วย
การพบกันระหว่างผู้นำสองชาติมหาอำนาจแห่งขั้วเผด็จการในครั้งนี้ จึงถือเป็นบททดสอบว่า ‘มิตรภาพไร้ขีดจำกัด’ นั้นจริงแท้เพียงใด
ภาพ: AFP
อ้างอิง: