ตลาดกำลังจับตามาตรการกระตุ้นการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า EV ฉบับใหม่ของอินโดนีเซีย รวมถึงการไปพบ Elon Musk ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ที่อาจจะสร้างแต้มต่อให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้อยู่เหนือเพื่อนบ้าน ทั้งไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ขณะเดียวกัน อาจไม่ใช่งานง่ายของอินโดนีเซียเสมอไป เมื่อนักวิเคราะห์มองข้อต่อรองที่อาจเกิดขึ้นหลังข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ล่าสุดรัฐบาลอินโดนีเซียบล็อกแพลตฟอร์มออนไลน์ ‘X’ หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่าทวิตเตอร์ ที่มีผู้ใช้ถึง 24 ล้านคน เพราะชื่อซ้ำกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารและการพนันออนไลน์
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียอยู่ระหว่างออกมาตรการจูงใจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ฉบับใหม่ หลังจาก Luhut Pandjaitan รัฐมนตรีประสานงานกิจการทางทะเลและทรัพยากรธรรมชาติ ออกมาระบุว่า เขาได้พบกับผู้บริหารของ BYD ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีแผนจะประชุมกับ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
แม้ขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์บางราย เช่น BYD ได้เลือกที่จะลงทุนในประเทศไทย รวมถึง Tesla กำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ของอินเดียเพื่อสำรวจศักยภาพของการจัดตั้งโรงงาน EV ในอินเดีย แต่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้อินโดนีเซียหยุดเดินหน้าเจรจากับผู้ผลิตค่ายรถ EV อย่าง Tesla แต่อย่างใด มากไปกว่านั้นจะยิ่งทำให้อินโดนีเซียเพิ่มมาตรการจูงใจในการลงทุนให้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ไทย-อินโดนีเซีย’ 2 ประเทศอาเซียนกำลังเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งด้านฐานผลิตชิ้นส่วน EV ป้อนทั่วโลก แต่อินโดนีเซียอาจมีแต้มต่อมากกว่า
- ไขคำตอบ ทำไม ‘Wuling’ Air EV แบรนด์รถจากจีนจึงเลือกผลิตในอินโดนีเซีย และเข้ามาทำตลาดในไทย
- ไทยจะรักษาฉายา ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ ได้หรือไม่? เมื่ออินโดนีเซียท้าชนด้วยจุดเด่น ‘แหล่งแร่’ มากมายที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่
“อินโดนีเซียพยายามดึงดูดการลงทุนจาก Tesla มานานหลายปี โดยหวังจะเป็นผู้นำในตลาดเอเชียของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันให้สำเร็จ” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานระบุอีกว่า ในการประชุมอุตสาหกรรมนิกเกิลที่จัดโดย CNBC Indonesia ครั้งล่าสุด อินโดนีเซียนำเสนอจุดเด่นและจุดด้อยเทียบเคียงคู่แข่งระดับภูมิภาคอย่างไทยและเวียดนาม โดยขณะนี้มาตรการจูงใจฉบับใหม่กำลังรอการอนุมัติจาก Joko Widodo
สำหรับมาตรการกระตุ้นการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลอินโดนีเซีย มีทั้งการลดภาษีมูลค่าเพิ่มในรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น ที่ลดสูงสุดจากระดับ 11% เหลือ 1% บวกกับเป้าหมายการสนับสนุนรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ และจุดแข็งสำคัญที่อินโดนีเซียมีคือการห้ามส่งออกนิกเกิล ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีนี้ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศไม่น้อยกว่า 40% เพื่อเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในอินโดนีเซีย ขณะที่มาตรการใหม่ที่จะออกมานั้นยังไม่มีการเปิดเผย
ทวิตเตอร์ ‘X’ เป็นเหตุ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Elon Musk ประกาศเปลี่ยนสัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการ จากนกสีฟ้าเป็นตัวอักษร ‘X’ สีขาวบนพื้นหลังสีดำเพื่อรีแบรนด์ครั้งใหญ่ และมุ่งหวังให้แพลตฟอร์มนี้เข้าสู่ธุรกิจการค้าแบบอีคอมเมิร์ซและธุรกรรมออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบช่วงที่ผ่านมานั้น อาจเป็นอุปสรรคกับการเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรม EV ของอินโดนีเซีย เมื่อล่าสุดกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศของอินโดนีเซียบล็อกทวิตเตอร์ ‘X’ เนื่องจากให้เหตุผลว่าไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่เข้มงวดของประเทศที่ต่อต้านสื่อลามก การพนัน และการละเมิดทางออนไลน์
ส่งผลให้นักวิเคราะห์กล่าวถึงความเป็นไปได้ ความคุ้มทุน และข้อแลกเปลี่ยนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเข้าพบ Elon Musk เกี่ยวกับการลงทุนในอุตสาหกรรม EV ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เนื่องจากชาวอินโดนีเซียไม่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้ในขณะนี้ ในขณะที่อินโดนีเซียมีผู้ใช้ Twitter ถึง 24 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา (95.4 ล้านคน) ญี่ปุ่น (67.5 ล้านคน) อินเดีย (27.3 ล้านคน) และบราซิล (24.3 ล้านคน)
Elon Musk อาจเบนเข็มสู่มาเลเซีย?
ทำให้ขณะนี้ Elon Musk อาจกำลังมองมาที่ตลาดมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดค้าปลีกที่มีศักยภาพ เติบโตอย่างรวดเร็ว และจะเห็นว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มาเลเซียได้อนุมัติให้ Tesla นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ รวมทั้งล่าสุดยังได้หารือเกี่ยวกับ Starlink ซึ่งเป็นบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมของบริษัท SpaceX
รวมทั้งขณะนี้มาเลเซียอยู่ระหว่างยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีทั้งรายใหญ่อย่าง Toyota, Nissan, Honda, Volvo, Porsche, BMW และ Mercedes-Benz ที่ดำเนินการอยู่แล้วในเมืองสลังงอร์ และรัฐบาลมาเลเซียก็เพิ่งเปิดตัวโครงการผู้นำระดับโลกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่เพื่อดึงดูดผู้ผลิต EV ซึ่งทำให้ Elon Musk มองว่ามาเลเซียเป็นประเทศที่น่าสนใจและ ‘เขากำลังมองไปข้างหน้า’ แม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นแหล่งผลิตแบตเตอรี่ EV หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในอนาคตที่เติบโตจากการแปรรูปแหล่งนิกเกิล โคบอลต์ และทองแดงที่อุดมสมบูรณ์ก็ตาม
อ้างอิง:
