×

World Cup Memo Day 1: สารจากเจ้าภาพกับบทเรียนในสนามที่เงินซื้อไม่ได้

21.11.2022
  • LOADING...
World Cup Memo

HIGHLIGHTS

  • ความกล้าหาญที่ว่านั้นถูกบอกเล่าผ่านการแสดงชุดต่างๆ ที่อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพิธีเปิดมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติเช่นนี้ แต่สำหรับชาติที่ถูกมองว่าปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกค่อนข้างมากอย่างกาตาร์แล้ว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอยู่ในที
  • ทีมชาติกาตาร์อันเป็นผลของยุทธศาสตร์ใช้กีฬาพัฒนาชาติอย่าง Aspire Academy ซึ่งใช้งบลงทุนมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ได้ผลประกอบการที่ไม่น่าพอใจนักในเกมเปิดสนามกับทีมชาติเอกวาดอร์

ฟุตบอลโลก 2022 เริ่มต้นด้วยภาพจำลองบรรยากาศโรงเรียนสอนศาสนา ภาพที่เรียบง่ายแต่งดงามและบ่งบอกตัวตนของกาตาร์ เจ้าภาพการแข่งขันครั้งนี้ ได้ดีที่สุด

 

ก่อนที่การแสดงชุดต่างๆที่ มาร์โก บาร์ลิช Executive Producer ของการแสดง บอกไว้ก่อนถึงวันจริงว่า พิธีเปิดการแข่งขันนี้จะทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะกาตาร์มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง

 


 

 


 

ความกล้าหาญที่ว่านั้นถูกบอกผ่านการแสดงชุดต่างๆ ที่อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพิธีเปิดมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติเช่นนี้ แต่สำหรับชาติที่ถูกมองว่าปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกค่อนข้างมากอย่างกาตาร์แล้ว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอยู่ในที

 

โดยเฉพาะการแสดงชุดที่นักแสดงร้องรำทำเพลงเต้นกันอย่างสนุกสนานด้วยลีลาสมัยใหม่ (ในขณะเดียวกันก็มีการแสดงชุดที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมของพวกเขาเองด้วย รวมถึงอูฐ!) และการแสดงเพลง Dreamers ของ จองกุก ศิลปินหนุ่มจากวง BTS วง K-Pop ระดับโลก

 

มันพอทำให้เราได้มองเห็นว่ากาตาร์เองก็พยายามที่จะ ‘เปิด’ ตัวเอง เพื่อต้อนรับวัฒนธรรมโลกที่หลากหลายและหลั่งไหลอย่างรวดเร็ว ‘เท่าที่พวกเขาทำได้’ ในเวลานี้แล้ว


พวกเขาต้องการจะเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา และฟุตบอลโลกครั้งนี้คือจุดเริ่มต้น

 

อย่างไรก็ดี สารที่สำคัญที่สุดนั้นอยู่ในช่วงแรกของการแสดงที่ได้ มอร์แกน ฟรีแมน นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง มาร่วมแสดงกับ กานิม อัล-มุฟตาห์ ที่เกิดมาพร้อมกับภาวะ Caudal Regression Syndrome ทำให้ไม่มีร่างกายส่วนล่าง แต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับทั้งคู่ที่จะมาแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่สวยงามในระหว่างการแสดง

 

 

“สิ่งที่นำพาพวกเรามารวมตัวกันที่นี่นั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่ทำให้เราต้องแตกแยกจากกันมากนัก” ฟรีแมนผู้ที่แค่ชื่อของเขาก็สื่อความหมายแล้ว

 

ด้วยการเคารพกัน ความกลมเกลียว ความเข้าใจ และความรักที่แบ่งปันให้แก่กัน ฟุตบอลจึงอยู่ได้ และถ้าฟุตบอลอยู่ได้ โลกใบนี้ก็จะน่าอยู่ได้ด้วยเช่นกัน

 

ต่างกันแค่ไหนเราก็เข้าใจกันได้ เหมือนภาษาฟุตบอลที่ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำ แค่การกระทำก็รู้ความหมาย

 

แต่แน่นอนครับว่าเรื่องของการแสดงพิธีเปิดกับโลกของความเป็นจริงมันย่อมแตกต่างกัน โลกภายนอกของสนามอัลบัยต์สเตเดียมก็มีเรื่องที่ไม่งดงามเกิดขึ้นมากมายกับเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ดังที่สื่อตะวันตกได้โหมประโคมข่าวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา (ถึงขนาดที่ BBC แสดงจุดยืนว่าไม่ ‘Support’ แค่ทำหน้าที่ ‘Report’ ตามหน้าที่ และ แกรี ลีนิเกอร์ อดีตตำนานกองหน้าทีมชาติอังกฤษ นั่งวิจารณ์เจ้าภาพกาตาร์อย่างรุนแรงแบบไม่มีคำว่าเกรงใจ)

 

การละเมิดสิทธิมนุษยชน ปัญหาแรงงาน การเหยียดเพศ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ระดับโลก อย่างเช่น การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสนามแข่ง

 

สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่กาตาร์เองต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกจริงๆ ด้วยเช่นกัน หากปรารถนาที่จะให้โลกเข้าใจคุณ คุณก็ต้องพยายามเข้าใจโลกด้วย ที่สำคัญคือเรื่องพวกนี้ใช้เงินแก้ปัญหาไม่ได้

 

แต่สำหรับ ชีค ตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี เจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ เรื่องสำคัญในวันนี้คือการกล่าวเปิดการแข่งขันมากกว่าจะคิดถึงเรื่องอื่น

 

12 ปีสำหรับการเริ่มต้นสร้างฟุตบอลโลกบนแผ่นดินที่ว่างเปล่า เงินมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ที่ลงทุนไป วันนี้คือวันที่รอคอยมาแสนนาน

 

กาตาร์ได้เปิดตัวต่อโลกอย่างเป็นทางการสมความตั้งใจ และถือเป็นการเขยิบไปอีกขั้นของยุทธศาสตร์ชาติ ‘Qatar National Vision 2030’

 

ปัญหามีแค่นิดเดียว

 

ทีมชาติกาตาร์อันเป็นผลของยุทธศาสตร์ใช้กีฬาพัฒนาชาติอย่าง Aspire Academy ซึ่งใช้งบลงทุนมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ผลประกอบการที่ไม่น่าพอใจนักในเกมเปิดสนามกับทีมชาติเอกวาดอร์

 

ก่อนหน้าที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น กาตาร์ถือเป็น ‘ทีมลับ’ พอสมควร เพราะนับจากที่ไปถึงตำแหน่งแชมป์เอเชียในการแข่งขันชิงแชมป์ทวีปเมื่อปี 2019 พวกเขาเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างมิดชิด

 

3 ปีที่ผ่านมาโลกแทบไม่ได้เห็นหรือไม่ได้ยินเรื่องราวของพวกเขามากนัก ที่รู้ก็มีเพียงการเก็บตัวต่อเนื่องยาวนาน และมีการเดินทางไปเก็บตัวในประเทศสเปนเพื่ออุ่นเครื่อง ซึ่งผลงานในการอุ่นเครื่องก็ถือว่าทำกันได้ดี

 

ปัญหาคือการเรื้อบรรยากาศของการแข่งขันจริงๆ มายาวนานเกินไป (เพราะเป็นเจ้าภาพทำให้ไม่ต้องแข่งรอบคัดเลือก) ทำให้กาตาร์มีสภาพไม่ต่างอะไรจาก ‘เด็กเรียน’ ที่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อต้องออกมาใช้ชีวิตในโลกของความเป็นจริง

 

พูดให้เป็นภาษาบอลอีกนิดคือ การลงสนามหญ้านุ่มๆ เรียบกริ๊บในโรงเรียนลูกหนังนั้นเป็นคนละเรื่องกับสนามดินแข็งเป๊ก แถมเป็นหลุมเป็นบ่อ

 

ที่สำคัญคือพวกเขาดันต้องเจอทีมสู้ชีวิตอย่างเอกวาดอร์ ที่แม้จะดูเป็นทีมคนรุ่นใหม่พลังหนุ่ม แต่ก็เป็นคนหนุ่มที่กระดูกกระเดี้ยวแข็งเป๊ก อย่าว่าแต่เคี้ยว แค่กัดก็ยังไม่เข้า


ถ้าไม่ถูกริบประตูขึ้นนำของ เอนเนอร์ วาเลนเซีย หลังเสียงนกหวีดแรกไม่กี่นาที ซึ่งระบบใหม่ Semi-Automated Offside Technology หรือ SAOT ถูกนำมาใช้ตัดสินครั้งแรกในฟุตบอลโลก และตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้า (ถึงมันจะชวนถกเถียงถึงเช้านี้ก็ตาม) บางทีสกอร์มันอาจจะขาดลอยไปแล้วตั้งแต่จบครึ่งแรก

 

แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เห็นทีมเบอร์ 4 จากลาตินที่ไล่โขยกใส่เจ้าภาพแบบไม่มีคำว่าเกรงใจ เพราะแค่ลงสนามไม่กี่นาทีก็รู้ได้แล้วว่ากระดูกมันคนละเบอร์ อย่าว่าแต่จะต่อกรสู้เลย แค่จับบอล ต่อบอล เรื่องพื้นฐานแบบนี้นักเตะกาตาร์ยังไม่สามารถทำได้

 

‘ระดับ’ มันห่างเกินไปมาก นักเตะเอกวาดอร์แค่เล่นในระดับของตัวเองเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความดุดันที่ใช้ข่มขวัญก็ดีพอจะได้ถึง 2 ประตูในช่วง 45 นาทีแรก ซึ่งก็มาจากวาเลนเซียที่แก้ตัวได้สำเร็จ ทั้งการลากหนีผู้รักษาประตูจนได้จุดโทษและลุกขึ้นมาสังหารเอง และการขวิดบอลอย่างสวยงาม

 

 

ที่เหลือไม่ได้มีอะไรยากสำหรับ ‘La Tricolor’ เล่นประคองตัวก็เพียงพอจะคว้าชัยชนะประเดิมฟุตบอลโลกครั้งนี้สบายๆ

 

คำถามมันจึงอยู่กับฝั่งของกาตาร์ว่า พวกเขาพอใจแค่ไหนกับเกมนัดแรก?

 

กับบทเรียนแรกในเกมระดับฟุตบอลโลกที่จ่ายค่อนข้างแพง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเขาได้รู้ว่ากำแพงของคำว่า ‘ระดับโลก’ จริงๆ มันสูงและหนาแค่ไหน

 

ผมเองให้คะแนนความพยายามของเจ้าภาพอยู่บ้าง ถึงจะเล่นได้ห่างจากความคาดหวังทีมที่เล่นฟุตบอลสวยงาม แม่นยำ และฉลาด ตามตำรับของโค้ชจาก ‘ลา มาเซีย’ แต่อย่างน้อยก็เห็นความตั้งใจดีและการสร้างโอกาสในเกมนี้ได้ 2-3 ครั้ง

 

เพียงแต่สำหรับผู้มีอำนาจสูงสุดอย่าง ชีค ตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี ผมไม่แน่ใจว่าจะพอใจกับสิ่งที่เห็นแค่ไหน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มีเพียงแค่ จานนี อินฟานติโน ประธาน FIFA คั่นกลางคือ เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด แห่งซาอุดีอาระเบีย ชาติบ้านใกล้เรือนเคียงที่แม้จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกันแล้ว แต่ในเชิงฟุตบอลก็ไม่แน่ใจนัก

 

ของบางอย่างมันยอมกันไม่ได้ด้วยสิครับ!

 

สิ่งที่อยากจับตาในคืนนี้

  • การลงสนามฟุตบอลโลกครั้งแรกในรอบ 64 ปีของเวลส์ (ครั้งสุดท้ายในปี 1958)
  • การตอบสนองของทีมชาติเซเนกัล หลังกัปตันทีมและหัวใจของคนทั้งชาติอย่าง ซาดิโอ มาเน ต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลกครั้งนี้จากอาการบาดเจ็บ
  • โคดี กักโป และการปรากฏตัวอีกครั้งของเนเธอร์แลนด์ในฟุตบอลโลก
  • แฮร์รี เคน จะโดนใบเหลืองทันทีที่เกมเริ่มหรือไม่ หากสวมปลอกแขน ‘OneLove’ ลงสนามจริงๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

อ่านต่อ: อังกฤษ vs. อิหร่าน : พรีวิว ฟุตบอลโลก 2022 วันที่ 21 พ.ย. 2022 พร้อมช่องทางรับชม

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising