ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้น Wall Street ของสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อวานนี้ (23 มิถุนายน) แบบผสมผสาน โดยขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากแรงหนุนของหุ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Tesla, Facebook และ Netflix ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones และดัชนี S&P 500 กลับขยับลง เป็นผลจากปัญหาในภาคการผลิต
โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ลดลง 71.34 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 33,874.24 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ลดลง 4.60 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 4,241.84 จุด ขณะนี้ดัชนี Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้น 18.47 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 14,271.73 จุด ทำสถิติปิดตลาดสูงสุดอีกระลอก
ทั้งนี้ IHS Markit เปิดเผยรายงานข้อมูลการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯ พบว่า ตัวเลขปรับเพิ่มขึ้นจาก 62.1 ในเดือนพฤษภาคม มาอยู่ที่ 62.6 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 61.5 กระนั้น บรรดาผู้ผลิตยังคงประสบปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบและแรงงานคุณภาพ ทำให้ราคาสินค้ายังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่
ขณะเดียวกัน หลังจากคลายความกังวล นักลงทุนส่วนหนึ่งในตลาดต่างให้ความสนใจกับหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะทำผลงานได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากการระบาดครั้งใหญ่
ด้านราคาน้ำมันเมื่อวานนี้ขยับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2018 ผลจากรายงานคลังน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ลดลง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 73.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านน้ำมันดิบเบรนต์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 38 เซนต์ ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่ความผันผวนของตลาดทำให้นักลงทุนหันหน้าเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นพอสมควร โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,783.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อ้างอิง:
