Q: ผิดไหมคะถ้าหนูจะกลับบ้านเร็ว ในเมื่อหนูจัดการงานตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนูงงมากว่าพอหนูรีบตั้งใจทำงานจนเสร็จเร็ว กลายเป็นว่าคนอื่นมองว่างานของหนูน้อยเพราะหนูกลับเร็ว หัวหน้าก็เพิ่มงานให้หนูอีกเพราะเห็นหนูกลับบ้านเร็ว ก็หนูไม่อยากอยู่ทำงานดึกๆ หนูก็รีบปั่นงานให้เสร็จไวจะได้กลับบ้านเร็ว แต่กลายเป็นว่าหนูดันได้งานเพิ่มมาอีก แถมหัวหน้ายังบอกด้วยว่าหนูจะกลับเร็วได้อย่างไร ในเมื่อคนอื่นๆ ยังนั่งทำงานกันอยู่จนดึกแทบทุกคน มันทำให้เสียระบบ หนูผิดตรงไหนคะที่ทำงานเสร็จเร็ว ทำไมต้องอยู่ดึกๆ ด้วย
A: มันมีความคิดหรือค่านิยมในการทำงานบางอย่างที่บิดเบี้ยวอยู่ว่า ทำงานหนัก ทำงานเยอะ อยู่ดึก โต้รุ่ง เท่ากับขยัน
ถ้าบริษัทมีบรรทัดฐานว่า กลับบ้านดึกเท่ากับคนขยัน อย่างนั้นถ้าช่วงกลางวันพี่นั่งเล่นเฟซบุ๊กในที่ทำงานไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมาเริ่มทำงานจริงๆ ตอนเย็นๆ สุดท้ายกลับบ้านดึก ก็แปลว่าพี่เป็นคนขยันสิ ซึ่งมันไม่ใช่ไง!
หรือถ้าพี่เห็นว่าบริษัทมีค่านิยมชื่นชมคนทำงานดึกเท่ากับคนขยันแบบนี้ พี่อาจจะทำงานช้าๆ อ้อยอิ่งก็ได้ จากงานที่ควรใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อให้พี่ได้มีอะไรทำนานพอที่จะกลับบ้านดึก นี่ไงกลับบ้านดึกแล้ว ผมขยันแล้วนะครับหัวหน้า!
ถ้าเราตั้งใจทำงานเต็มที่ บริหารเวลาอย่างดี ทำงานเสร็จก่อนเวลาด้วยซ้ำ ถ้าเราจะได้กลับบ้านเร็วจากความรับผิดชอบของเราเอง แล้วทำไมเราดันจะกลายเป็นคนไม่ขยันไปเสียอย่างนั้นล่ะ เออ!
การกลับดึกนี่มันแสดงให้เห็นถึงการไม่สามารถบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ได้นะครับ เช่น งานเยอะแต่คนไม่พอ คนพอแต่ประสิทธิภาพในการทำงานมีปัญหา ไม่สามารถบริหารเวลาได้
นี่ยังไม่รวมว่าบริษัทต้องใช้ทรัพยากรไปอีกเท่าไรในการที่ให้พนักงานทำงานจนดึก ไหนจะค่าโอที ค่าไฟฟ้า ฯลฯ สิ้นเปลืองทั้งนั้นครับ
บริษัทไหนที่คิดว่าดีจังเลยพนักงานทำงานกันหามรุ่งหามค่ำจนกลับบ้านดึก แปลว่าบริษัทมีคนตั้งใจทำงานเยอะน่าจะลองคิดใหม่นะครับว่า ระบบการทำงานของบริษัทมีปัญหาหรือเปล่า มันมีแน่ครับ ไม่อย่างนั้นในช่วงเวลาทำงานงานมันต้องเสร็จโดยไม่ต้องลากยาวมาจนดึกดื่นแล้ว!
ที่ต้องคิดให้หนักกว่านั้นคือ รู้สึกตัวไหมว่ากำลังเอาเปรียบพนักงานอยู่ คุณกำลังรีดเอาเลือดเนื้อและชีวิตรวมทั้งเวลาของพนักงานมาใช้กับงานของคุณ จนวันหนึ่งเขาทำงานหนักจนชีวิตเขาพัง บริษัทจะทำอะไรได้มากไปกว่าการส่งพวงหรีดให้เขา ก็ในเมื่อบริษัทขูดรีด ‘เวลา’ ของพนักงานไปหมดแล้ว เขาจะได้ไปใช้เวลากับชีวิตด้านอื่นตรงไหน
พี่คิดว่าหัวหน้าที่ดีหรือบริษัทที่ดีนั้น ต้องมองเห็นชีวิตของพนักงานที่มากไปกว่าแค่ชีวิตการทำงาน เพราะชีวิตทุกด้านของพนักงานคนหนึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันหมด ถ้าเขามีปัญหาในที่ทำงาน เขาจะเอาพลังที่ไหนไปดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวและคนที่เขารัก หรือแม้กระทั่งเผื่อแผ่มายังสังคมที่กว้างขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าชีวิตด้านอื่นของเขาดี เขาก็จะมีพลังกลับมาทำงานที่ดีได้ด้วย
บริษัทที่ดีควรเคารพชีวิตของพนักงานด้วยการให้เขาไปมีชีวิตด้านอื่น พวกเขาต้องรับผิดชอบชีวิตด้านอื่นๆ เหมือนกับที่เขาต้องรับผิดชอบชีวิตเรื่องงานนั่นแหละครับ
ถ้าจะให้ดีนะครับ ถ้าหมดเวลาทำงานแล้วบริษัทควรไล่พนักงานกลับบ้านเลยยิ่งดี จะด้วยการดับแอร์หรือปิดไฟก็ได้ ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรด้วย เป็นการบอกให้เขารู้ในตัวว่าถึงเวลาไปใช้ชีวิตด้านอื่นแล้ว นอกจากนั้น เป็นการส่งสัญญาณให้พนักงานรู้ว่า คุณมีเวลาทำงานเพียงเท่านี้ เพราะฉะนั้น กรุณาบริหารเวลาให้ดี พนักงานก็จะไม่มีการทำงานแบบอ้อยอิ่งแล้วไปลากยาวอยู่ดึกเอา
ถ้าบริษัทเคารพชีวิตด้านอื่นของพนักงานก่อน เวลาที่พนักงานมาทำงาน พวกเขาก็จะเคารพเวลาของบริษัทเหมือนกัน
ถ้าต้องอยู่ดึกในกรณีจำเป็นจริงๆ ก็เข้าใจได้ครับ แต่ไม่ควรให้เกิดขึ้นบ่อย มันลำบากทั้งพนักงานและบริษัทด้วยกันหมด
งานที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นได้จากที่ออฟฟิศเพียงที่เดียวนะครับ แต่มันคือผลผลิตของการที่พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่ก่อนก้าวขาเข้ามายังออฟฟิศจนกระทั่งเดินออกไป เพราะฉะนั้น เราถึงต้องดูแลพนักงานให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีก่อน
เอาล่ะ เรื่องที่หนูตั้งใจทำงานเสร็จก่อนเวลา อันนี้พี่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่พี่แถมอีกเคล็ดลับให้
ตอนนี้หนูเก่งมากที่ทำงานเสร็จก่อนเวลา แต่ถ้าเสร็จปุ๊บแล้วหนูเก็บของไปเลย หนูก็ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าหนูเห็นว่าคนรอบตัวยังทำงานคร่ำเคร่ง (อันนี้คือกรณีว่าพวกเขาก็ตั้งใจทำงานแหละ แต่งานมันยังไม่เสร็จจริงๆ) และหนูพอจะมีเวลาสักหน่อย หนูลองถามพวกเขาสิครับว่า “มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ”
ตอนนี้หนูทำงานเสร็จแล้วได้กลับบ้านเร็วคนเดียว แต่ถ้าหนูสามารถช่วยคนอื่นได้ หนูอาจจะกลับบ้านช้าลงกว่าการที่ทำงานเสร็จแล้วกลับทันทีอยู่สักหน่อย แต่จะมีคนได้กลับบ้านเร็วขึ้นเพิ่มด้วย ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวแล้ว แถมคนอื่นก็จะไม่มองว่าหนูว่างหรืองานน้อย แต่เห็นว่าหนูคือคนมีน้ำใจคนหนึ่ง ไปจนถึงหนูอาจจะสามารถแนะนำวิธีการทำงานที่เร็วขึ้นให้กับพวกเขาก็ได้
ทีนี้หนูก็จะไม่ได้กลับบ้านเร็วคนเดียว แต่หนูช่วยให้คนอื่นๆ ได้กลับบ้านเร็วไปด้วย เจ๋งไหมล่ะ
เก่งคนเดียว รอดคนเดียว มันเป็นความสำเร็จที่โดดเดี่ยวเหมือนกันนะครับ แต่ถ้าเก่งแล้วช่วยให้คนอื่นเก่งไปด้วย รอดแล้วก็ช่วยให้คนอื่นรอดไปด้วย เราจะประสบความสำเร็จไปพร้อมกันหมดทุกคน ไม่มีทางโดดเดี่ยวแน่นอน
เช่นเดียวกัน ถ้าโจทย์เดิมที่หนูได้มานั้นหนูสามารถจัดการมันได้อย่างรวดเร็วจนมีเวลาเหลือแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าหนูจะมองโจทย์ที่หัวหน้าเพิ่มมาให้ใหม่นี้เป็นอีกความท้าทายว่า “เดี๋ยวฉันจะหาวิธีจัดการให้หมดภายในเวลาทำงานให้ดู!”
คิดบวกว่า ของเดิมมันง่ายเกินไปสำหรับหนูแล้ว เพราะจัดการได้อยู่มือแล้ว มันเลยต้องมีโจทย์ยากขึ้นมาให้หนูจัดการไง
ไม่เรียกว่าซวยหรอก แต่เรียกว่าโอกาส โอกาสที่ทำให้หนูเก่งขึ้น
ไหนๆ หนูก็เริ่มต้นด้วยความขยัน ความตั้งใจแล้ว (ไม่อย่างนั้นงานเดิมหนูไม่ทำเสร็จก่อนเวลาหรอก ใช่ไหมล่ะ) ลองลุยกับโจทย์ใหม่นี้ดู แน่นอนว่ามันจะยากเสมอตอนยังไม่เริ่ม ก็เหมือนเมื่อก่อนที่หนูคงนึกไม่ออกว่าจะทำงานเก่าได้เสร็จภายในเวลาได้อย่างไรนั่นแหละ แต่ถ้าหนูใช้เวลากับมัน ค่อยๆ หาทางจัดการมันไปทุกวัน หนูจะจับทางมันได้ สุดท้ายหนูก็จะเก่งขึ้น
ไม่ใช่คนอยู่ดึกหรอกครับที่แปลว่าคนขยัน คนที่ทำงานได้ดีแล้วแต่ยังไม่หยุดหาทางพัฒนาตัวเองต่อต่างหากที่เป็นคนขยัน
ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์