วันนี้ (30 พฤษภาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีการยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เรื่องการถือครองหุ้นสื่อจะมีผลต่อสถานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า อยู่ที่รายละเอียดคำร้องที่ยื่นไปว่าขอให้วินิจฉัยความเป็น ส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ตนยังไม่เห็น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถยื่นตรวจสอบพร้อมกันหลายประเด็น ทั้งคุณสมบัติ ส.ส. คุณสมบัติหัวหน้าพรรค และคุณสมบัติว่าที่นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ได้ เพราะเรื่องการถือหุ้นสื่อบางอย่างเป็นคุณสมบัติร่วมกัน แต่ก็ต้องระบุไว้ในคำร้อง
วิษณุกล่าวอีกว่า ไม่ทราบว่า เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นตรวจสอบในทุกประเด็น เพราะเรืองไกรยื่นทุกวัน จึงไม่รู้แต่ละวันต่างกันอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการพูดถึงกรณีที่พิธาเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลด้วย จะมีผลกระทบด้วยหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า เป็นอีกส่วนซึ่งต้องดูในคำร้อง ไม่เช่นนั้นศาลก็จะวินิจฉัยไม่ได้ ทั้งนี้โดยหลัก กกต. จะนำคำร้องเรืองไกรทั้งหมดมาพิจารณา และส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเฉพาะประเด็นที่ กกต. เห็นว่ามีมูล เพราะศาลก็จะไม่วินิจฉัยเกินคำขอ