ปี 2024 มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญคือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของสหรัฐฯ อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก เนื่องด้วยสหรัฐฯ ถือเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทำให้การดำเนินนโยบายของทางการสหรัฐฯ มักส่งผลกระทบไปยังอีกหลายพื้นที่
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่หวนกลับมาเป็นแคนดิเดตของพรรครีพับลิกัน เพื่อลงชิงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ได้รับคะแนนนิยมที่ดีดตัวขึ้นเป็นอย่างมากในรอบเดือนที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าตามหน้าสื่อ สินทรัพย์ที่ตอบสนองต่อความนิยมของทรัมป์มากที่สุดคือ Bitcoin
อย่างไรก็ดี ในแวดวงตลาดทองคำนั้นได้มีคาดการณ์ถึงทิศทางราคาทองคำภายใต้สถานการณ์ที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งด้วยเช่นกัน
ประเด็นทั่วไปที่ถูกนำมาวิเคราะห์ราคาทองคำภายใต้การดำเนินนโยบายของทรัมป์ อาทิ ผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ชี้นำการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ความเสี่ยงทางการคลัง และแนวโน้มความรุนแรงของสงครามการค้ากับจีน และประเทศคู่แข่งทางการค้ารายอื่น เป็นต้น
อย่างไรก็ดี มีประเด็นที่ดูหวือหวาและน่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นคือข่าวลือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการนำระบบมาตรฐานทองคำกลับมาใช้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของประเด็นนี้มาจากรายงานพฤติกรรมความชื่นชอบในการลงทุนทองคำของทรัมป์ โดยในช่วงท้ายของทศวรรษ 1970 เขาทำกำไรมหาศาลจากการขายทองคำช่วงราคา 780-790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากต้นทุนระดับ 185 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนั้นทรัมป์เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบมาตรฐานทองคำ ผ่านการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ ในปี 2015 ว่า การนำมาตรฐานทองคำกลับมาปรับใช้ในปัจจุบันนั้น แม้เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่หากทำได้จะกลายเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่การให้สัมภาษณ์อีกที่ในปีเดียวกัน ทรัมป์ได้หวนรำลึกถึงสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางช่วงเวลาที่ใช้มาตรฐานทองคำ ทั้งนี้ Politico ได้ชี้ว่า บรรดาผู้ช่วยรอบตัวของทรัมป์นั้นเต็มไปด้วยผู้ที่มีแนวคิดสุดโต่งเกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยมีอย่างน้อย 6 คนที่เคยออกมาแสดงความสนับสนุนระบบมาตรฐานทองคำ
ทั้งนี้ ระบบมาตรฐานทองคำ หรือ Gold Standard คือระบบที่เอาค่าเงินสกุลหนึ่งไปผูกไว้กับทองคำ โดยใครก็ตามที่มีเงินสกุลดังกล่าวไว้ในครอบครองก็สามารถนำเงินดอลลาร์ที่มีนั้นไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ ซึ่งระบบที่ว่านี้ถูกปรับใช้ครั้งแรกอย่างเป็นทางการโดยอังกฤษในปี 1821 ขณะที่สหรัฐฯ มีการปรับใช้หลังจากนั้น อย่างไรก็ดี ระบบมาตรฐานทองคำถูกใช้จนกระทั่งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนเปลี่ยนมาใช้ระบบค่าเสมอภาค หรือ Bretton Woods System
Bretton Woods System เป็นระบบที่สกุลเงินของทุกประเทศทั่วโลกจะถูกผูกไว้กับค่าเงินดอลลาร์ด้วยอัตราคงที่ โดยค่าเงินดอลลาร์จะถูกตรึงไว้กับมูลค่าของทองคำที่ 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ในระบบนี้ค่าเงินดอลลาร์เป็นสกุลเดียวที่ใช้ระบบมาตรฐานทองคำ ขณะที่สกุลเงินอื่นใช้การตรึงมูลค่าไว้กับค่าเงินดอลลาร์แทน กระนั้น ระบบนี้ล่มสลายลงในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดระบบมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ดี ตามที่ทรัมป์เคยกล่าวว่า การปรับใช้มาตรฐานทองคำนั้นเป็นเรื่องยากมากในปัจจุบัน สำหรับสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงกลับไปสู่มาตรฐานทองคำมีแนวโน้มไม่ได้รับความเห็นชอบในสภาคองเกรส เนื่องด้วยระบบดังกล่าวอาจทำให้สถานะทางการเงินของสหรัฐฯ ย่ำแย่ลงเป็นอย่างมาก จากการทำให้ผู้ที่ถือครองเงินดอลลาร์หรือเจ้าหนี้ที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ทั่วทุกมุมโลกสามารถขอแลกเปลี่ยนเป็นทองคำ
อนึ่ง แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คือธนาคารกลางผู้ถือครองทองคำมากที่สุดในโลก แต่กระนั้น ด้วยปริมาณดังกล่าว ยังอาจไม่พอกับมูลค่าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องจ่ายคืนให้กับเจ้าหนี้ทุกรายได้ ซึ่งด้วยระบบมาตรฐานทองคำ สหรัฐฯ จำเป็นต้องเพิ่มการเข้าถือครองทองคำ โดย จิม ริคคาร์ดส หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ West Shore Group ได้คำนวณว่า การเพิ่มทองคำของสหรัฐฯ ให้เพียงพอต่อการรองรับมูลค่าหนี้นั้น อาจทำให้ราคาทองคำเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งจะนับเป็นสถานการณ์ที่บ่อนทำลายมูลค่าสกุลเงินดอลลาร์ลงอย่างรุนแรง จึงอาจบอกได้ว่ามาตรฐานทองคำนั้นอาจไม่สามารถหวนกลับมาได้
อย่างไรก็ดี หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน และแคนดิเดตของพรรคเดโมแครต ได้ประกาศถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งช่วงปลายปี และประกาศหนุน คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตแทนตน ซึ่งความนิยมของแฮร์ริสดีดขึ้นมาใกล้เคียงกับทรัมป์หลังจากนั้น แต่กระนั้น พรรคเดโมแครตยังไม่ได้รับการเป็นแคนดิเดตของแฮร์ริส โดยพรรคเดโมแครตจะประกาศแคนดิเดตอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ แนะนำติดตามความเคลื่อนไหวของการเมืองสหรัฐฯ เพื่อประเมินสถานการณ์ที่อาจชี้นำการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed อันจะส่งผลต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และราคาทองคำ
