เปิดเหตุผลที่ทำให้ Gen Z จะกลายเป็นผู้ชนะในสงครามลาออกครั้งใหญ่ในอเมริกา

การลาออกครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกากำลังจะจบลง และ Gen Z กำลังจะกลายเป็นผู้ชนะ

LinkedIn ได้แบ่งปันข้อมูลกับ Insider ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนงานของ Gen Z ในเดือนเมษายนนั้น สูงกว่าปีที่แล้วถึง 29.5% โดยสูงกว่าถึง 20% เมื่อเทียบกับวัยมิลเลนเนียลที่มีอัตราเปลี่ยนงานเพียงแค่ 9.5%

“เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับวัยทำงานช่วงแรกๆ สำหรับการลองผิดลองถูก พวกเขายังต้องค้นหาตัวเอง ค้นหาสิ่งที่ต้องการ ทำให้พวกเขาส่วนใหญ่ไม่พร้อมที่จะปักหลักเป็นที่เป็นทาง” Karin Kimbrough หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ LinkedIn กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

“เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเปลี่ยนงานของพวกเขา” Jason Dorsey นักวิจัย Gen Z บอกกับ Yahoo Finance โดยเขากล่าวเสริมว่า “คนรุ่นนี้มีความรับผิดชอบน้อยที่สุดในเรื่องของการผ่อนรถและบ้าน รวมทั้งการดูแลครอบครัว”

รายงานจาก Bank of America Institute พบ ‘การเพิ่มขึ้นของค่าเฉลี่ยเงินเดือนเวลาย้ายงาน’ ผ่านการว่าจ้างรายปี โดยเพิ่มขึ้นถึง 17.6% ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนจะย้ายงาน

แต่ไม่ใช่แค่พนักงานรุ่นใหม่เท่านั้นที่เห็นการเพิ่มขึ้นของเงินในบัญชี โดยจากข้อมูลค่าใช้จ่ายรายปีตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2021 – เมษายนปี 2022 แสดงให้เห็นว่า Gen Z มีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ

David Tinsley ผู้อำนวยการ Bank of America กล่าวกับ Insider ว่า ระดับการศึกษาของ Gen Z อาจเกี่ยวข้องกับรายจ่ายที่สูงขึ้น

“การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของ Gen Z จะสะท้อนให้เห็นว่าคนในกลุ่มนี้เริ่มเส้นทางอาชีพจากการศึกษา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของค่าจ้างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”

Gen Z กำลังคิดถึงงานที่มีอยู่ ประโยชน์ที่พวกเขา (บริษัท) เสนอ และหน้าที่ที่พวกเขาได้รับ

“จากสิ่งที่เราได้ยินจากคน Gen Z บน LinkedIn คุยกัน พวกเขากำลังพิจารณาข้อดีและข้อเสียของแต่ละโอกาสอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งยินดีที่จะออกจากบริษัทเพื่อไปหาสิ่งที่เข้ากับค่านิยมของพวกเขามากขึ้น และลงทุนในด้านการพัฒนาทักษะและการเติบโตของอาชีพมากขึ้น” Kimbrough กล่าว “ในตลาดแรงงานที่คับแคบนี้ อำนาจต่อรองยังคงเอียงไปทางพนักงาน และ Gen Z ก็ตระหนักดีถึงเรื่องนั้น”

จากผลสำรวจของบริษัท Deloitte กลุ่ม Gen Z และกลุ่มมิลเลนเนียลทั่วโลก พบว่า 37% ของ Gen Z และ 36% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลกล่าวว่า “พวกเขาปฏิเสธงาน หรืองานที่ได้รับมอบหมายตามความคิดของตนเอง” พวกเขาจะไม่อยู่ต่อหากต้องกลับไปใช้โต๊ะทำงาน

การสำรวจทั่วโลกจากสถาบันวิจัย ADP พบว่า Gen Z มีแนวโน้มที่จะคิดเกี่ยวกับงานใหม่มากขึ้น หากบริษัทต้องการให้พวกเขากลับมาทำงานที่สำนักงานแบบเต็มเวลา โดย Deloitte ตั้งข้อสังเกตในรายงานฉบับล่าสุดของพวกเขาว่า นายจ้างจำเป็นต้องมี ‘ความคิดที่แตกต่าง’ ในการจ้างงาน และการรักษาไว้ซึ่งพนักงาน Gen Z

“นายจ้างจะต้องเข้าใจพฤติกรรมและแนวโน้มของคนรุ่นที่คาดหวังความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ว่าพวกเขาต้องการได้รับการปฏิบัติจากนายจ้างอย่างไร และกำลังมองหามากกว่าแค่การกรอกบทบาทคนตัดคุกกี้”

ขณะเดียวกันธุรกิจต่างๆ ได้เพิ่มค่าจ้างและเสนอผลประโยชน์อื่นๆ เพื่อค้นหาและรักษาพนักงานไว้ ตามรายงานของ Bank of America Institute ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ยั่งยืน และการเปลี่ยนงานนั้น ‘อาจถึงจุดจบแล้ว’

Daniel Zhao นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Glassdoor บอกกับ Insider ก่อนหน้านี้ว่า สถานการณ์ตลาดแรงงานดู ‘โอเค’ สำหรับผู้ที่กำลังมองหางาน แต่เขาเตือนว่าสิ่งนี้ไม่ถาวร

“นี่ยังคงเป็นตลาดแรงงานที่พึ่งพาคนงาน” Zhao กล่าว “ไม่มีการรับประกันว่างานนั้นจะอยู่ตลอดไป แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่ผมบอกผู้หางานคือ นี่เป็นเวลาที่ดีในการหางานใหม่ และพยายามล็อกผลกำไรเหล่านั้นไว้ในขณะที่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งอยู่”

อ้างอิง: