WHO เผย มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนต้องใช้เงินทุนราว 2.57 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาสู้กับเชื้อเดลตา

วานนี้ (10 สิงหาคม) องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องใช้เงินทุน 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.57 แสนล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือบรรดากลุ่มประเทศกำลังพัฒนาต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด โดยเฉพาะสายพันธ์ุเดลตาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัคซีน ออกซิเจน และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ

โดยเงินทุนดังกล่าวจะนำไปใช้ในโครงการ Access to Covid-19 Tools หรือ ACT ของ WHO ที่ส่งเสริมและสนับสนุนในชาติต่างๆ ในประชาคมโลกสามารถเข้าถึงเครื่องมือในการต่อสู้กับโควิดได้ ซึ่ง ดร.บรูซ อิลวาร์ด ที่ปรึกษาอาวุโสของ WHO ระบุว่า เงินทุนนี้มีความจำเป็นอย่างมากในการชดเชยเงินทุนส่วนที่จำเป็นต้องใช้และยังขาดหายไป 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.6 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อขีดความสามารถของ WHO ในการต่อสู้กับโรคระบาดในประเทศกำลังพัฒนาที่เข้าถึงวัคซีนเพียงเล็กน้อยหรือไม่ได้เลย

“นอกจากประเด็นด้านศีลธรรม ผู้คนไม่ควรจะต้องจบชีวิตลง ถ้าเทคโนโลยีกระจายอยู่ทุกพื้นที่ เทคโนโลยีควรช่วยเหลือมนุษยชาติโดยรวมทั้งหมด และเราก็ไม่สามารถแยกเรื่องการแพร่ระบาดเป็นเพียงปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่งได้

นั่นคือความเป็นจริง เราจำเป็นต้องช่วยเหลือประเทศอื่นๆ และเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน ไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องอยู่กับเชื้อไวรัสนี้นานออกไปอีกกว่าช่วงเวลาที่เราต้องอยู่”

WHO เคยตั้งเป้าให้พลเมืองโลกอย่างน้อย 10% เข้ารับการฉีดวัคซีนภายในเดือนกันยายนนี้ ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 40% ของพลเมืองโลก ภายในปี 2021 และเพิ่มเป็น 70% ของพลเมืองโลก ภายในช่วงกลางปี 2022 และจากรายงานของ Our World in Data พบว่า ขณะนี้มีพลเมืองโลกราว 30.2% เข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่ราว 15.7% ของพลเมืองโลกทั้งหมดฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยพลเมืองในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและมีรายได้น้อยเพียง 1.1% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดสในขณะนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง: