ทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกายืนยัน การตัดสินใจยิงทำลายวัตถุลอยฟ้าต้องสงสัย 3 ชิ้นที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าแถบอเมริกาเหนือช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เป็นการกระทำที่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบและเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของพลเมืองอเมริกัน
โดยทางการสหรัฐฯ สอดส่องและตรวจการณ์น่านฟ้าของตนอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่มีการตรวจพบบอลลูนต้องสงสัยของจีนเคลื่อนตัวอยู่เหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ เป็นระยะเวลาหลายวัน ก่อนที่จะตัดสินใจยิงบอลลูนดังกล่าวทันทีที่บอลลูนเคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก บริเวณชายฝั่งรัฐเซาท์แคโรไลนา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
บทความที่เกี่ยวข้อง:
เบื้องต้น จอห์น เคอร์บี ผู้ประสานงานด้านการสื่อสารของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่า วัตถุลอยฟ้า 3 ชิ้นที่ตรวจพบและถูกทำลายเหนือน่านฟ้ารัฐอะแลสกา (10 กุมภาพันธ์), ดินแดนยูคอน แคนาดา (11 กุมภาพันธ์) และรัฐมิชิแกน (12 กุมภาพันธ์) มีลักษณะแตกต่างจากบอลลูนของทางการจีนลูกแรกที่ถูกทำลายเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้
พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า แม้วัตถุลอยฟ้าเหล่านี้จะยังไม่ได้เป็นอันตรายต่อพลเมืองบนภาคพื้นดินโดยตรง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของบรรดาเที่ยวบินโดยสารเชิงพาณิชย์ กองทัพสหรัฐฯ จึงตัดสินใจทำลายวัตถุลอยฟ้าดังกล่าว เพื่อปกป้องความมั่นคงของสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์แห่งชาติและเพื่อความปลอดภัยของเที่ยวบินต่างๆ ที่บินอยู่เหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ
เคอร์บียังเปิดเผยอีกว่า ทางการสหรัฐฯ มีความพยายามที่จะเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุลอยฟ้าที่ถูกยิงทำลายทั้งหมด แต่ภารกิจอาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะวัตถุลอยฟ้าที่ถูกยิงตกบริเวณรัฐอะแลสกาทางตอนเหนือของสหรัฐฯ และดินแดนยูคอนของแคนาดา เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีหิมะปกคลุม ขณะที่วัตถุลอยฟ้าที่ถูกยิงตกบริเวณรัฐมิชิแกน คาดว่าน่าจะอยู่ใต้ทะเลสาบฮูรอน พรมแดนธรรมชาติที่กั้นระหว่างรัฐมิชิแกนกับรัฐออนแทรีโอของแคนาดา
ขณะที่ทางการจีนออกมาเคลื่อนไหว พร้อมกล่าวหาว่าทางการสหรัฐฯ เองก็เคยส่งบอลลูนของตนเองหลายลูกเคลื่อนผ่านน่านฟ้าของจีนเช่นเดียวกัน โดยทางการจีนอ้างว่า ในปี 2022 มีบอลลูนสหรัฐฯ เคลื่อนเข้าสู่น่านฟ้าจีนมากกว่า 10 ลูก
ทางด้านเคอร์บีปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าทางการสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งบอลลูนสอดแนมบินเหนือน่านฟ้าของจีน และไม่มีรายงานเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าทางการสหรัฐฯ จะเดินหน้าตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุลอยฟ้าทุกชิ้น เพื่อทำความเข้าใจและสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
แฟ้มภาพ: Andrew Caballero-Reaynolds / AFP
อ้างอิง:
