เมื่อการ ‘ปิดสนาม’ กำลังเป็นสิ่งที่พรีเมียร์ลีกไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

หนึ่งในสิ่งที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกต่างสงสัยตลอดช่วงระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่าง ‘พรีเมียร์ลีก’ จะรับมือกับโควิด-19 อย่างไร เมื่อเชื้อโรคร้ายได้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะจับได้ไล่ทัน

ข่าวลือสะพัดไปทั่ว การคาดเดาเต็มไปหมด ถึงขั้นมีการเจาะลงไปในรายละเอียดของกฎระเบียบการแข่งขันในกรณีที่หากจะต้อง ‘ตัดจบ’ การแข่งขันด้วยความจำเป็น อาจถึงขั้นไม่มีการตัดสินรู้ผลทีมแชมป์ ทีมที่ได้ไปสโมสรยุโรป และทีมที่ตกชั้น

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดาก่อนหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศอังกฤษยังไม่เผชิญหน้ากับโควิด-19 อย่างจริงจัง

สถานการณ์ในตอนนั้นแตกต่างจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เมื่อเวลานี้อังกฤษเริ่มพบจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ และการวางแผนเพื่อรับมือก็เริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ รายการกีฬาจำนวนมากกำลังเผชิญกับสถานการณ์เข้าขั้นหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะมีความเสี่ยงตั้งแต่ที่จะต้องเลื่อนการแข่งขัน ยกเลิกการแข่งขัน หรือแข่งขันโดยห้ามมีผู้ชม

นั่นรวมถึงพรีเมียร์ลีก ลีกฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลกที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนเช่นกัน

แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าการแข่งขันกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลอย่างพรีเมียร์ลีก หากไม่มีผู้ชมแล้วก็เหมือนคนที่ไม่มีหัวใจ และมีการพยายามหาข้อมูลมาเปรียบเทียบว่าการที่มีแฟนฟุตบอลจำนวนหลักหมื่นคนมาที่สนามแข่งนั้นไม่ได้มีความเสี่ยงมากไปกว่าจำนวนผู้คนจำนวนหลักแสนคนที่ต้องอาศัยสถานีรถไฟเพื่อเดินทางไปยังปลายทาง

แต่ดูเหมือนในเวลานี้การแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่ไม่มีผู้ชมกำลังเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แม้ว่าเวลานี้จะยังไม่มีการยืนยันใดๆ จากพรีเมียร์ลีกหรือภาครัฐ แต่มีรายงานว่าทั้ง 20 สโมสรในพรีเมียร์ลีกได้รับจดหมายแจ้งเตือนจากพรีเมียร์ลีกเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของ ‘โควิด-19’

ในจดหมายนั้นมีคำแนะนำเรื่องของแนวทางการรับมือเบื้องต้น เช่น การให้จัดหาน้ำยาทำความสะอาดมือ ซึ่งเป็นเครื่องมือการป้องกันการติดเชื้อหรือการแพร่โควิด-19 ที่ง่ายและได้ผลดีเกือบที่สุด การติดประกาศให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวของแฟนบอลต่อสถานการณ์ในเวลานี้ ไปจนถึงการออกคำสั่งไม่ให้มีการ ‘จับมือ’ กันระหว่างผู้เล่นทั้งสองทีมก่อนลงสนาม โดยให้ผู้เล่นฝ่ายเจ้าบ้านเดินผ่านนักเตะทีมเยือนเพื่อให้เกียรติคู่แข่งขันแทน

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือมีการแจ้งต่อสโมสรต่างๆ ถึงความเป็นไปได้ที่อาจต้องจัดการแข่งขันภายใน ‘สนามปิด’ ที่ห้ามไม่ให้ผู้ชมเข้ามาในสนามแข่งขัน ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทุกฝ่ายอยากให้เกิด เพราะผลกระทบของมันรุนแรงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้ของทีมเจ้าบ้านจากค่าบัตรผ่านประตูที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ไปจนถึงเรื่องการถ่ายทอดสดที่เป็นฝันร้ายของสถานีโทรทัศน์ในการถ่ายทอดสดเกมฟุตบอลที่ไม่มีผู้ชม และเหนืออื่นใดคือการแข่งขันที่ไม่มีผู้ชมเป็นการแข่งขันที่ขาดชีวิตชีวาอันเป็นจุดเด่นที่แข็งแกร่งที่สุดของพรีเมียร์ลีก

ล่าสุดทางด้าน ซาชา เรียซานต์เซฟ หัวหน้าฝ่ายการเงินของทีมเอฟเวอร์ตัน ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่ออกมาเปิดเผยว่ามีโอกาสที่สิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นจะต้องเกิดขึ้นจริงๆ

“มันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ทุกคนถูกบังคับมากกว่าที่เราอยากจะสมัครใจเข้าร่วม” เรียซานต์เชฟกล่าวที่งาน FT Business of Football Summit ในลอนดอน “แต่สถานการณ์โดยรวมในเวลานี้ไปไกลเกินกว่ากีฬาแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะเล่นในสนามปิด และผมไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นในเวลานี้ แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”

จากคำพูดดังกล่าว เป็นสัญญาณชัดเจนครั้งแรกที่ได้เห็นว่าพรีเมียร์ลีกมีการเตรียมความพร้อมแล้วสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้าย

ฟุตบอลที่ไม่มีแฟนบอลอาจจะไม่ใช่ฟุตบอลในแบบที่มันควรจะเป็น และเป็นเรื่องน่าเศร้าหากต้องเห็นภาพแบบนั้นเกิดขึ้น

แต่เพราะไม่มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตและความปลอดภัยของทุกคน อะไรที่ต้องทำก็จำเป็นต้องทำ

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

FYI

ลิเวอร์พูลเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีมาตรการเข้มข้นขึ้นในการรับมือโควิด-19 โดยได้มีการจัดเตรียมน้ำยาทำความสะอาดมือในทุกจุดที่ควรจะมีในสนาม เช่น ในห้องน้ำ รวมถึงการสั่งยกเลิกไม่ให้มี ‘มาสคอต’ หรือเด็กน้อยนำโชคเดินจูงมือนักฟุตบอลลงสนามเพื่อความปลอดภัย
หลายสโมสรมีคำสั่งไม่ให้นักฟุตบอลออกเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่จำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 กลับมา
ก่อนหน้าพรีเมียร์ลีก เซเรีย อา อิตาลี เป็นลีกระดับท็อปของโลกลีกแรกที่มีคำสั่งจากรัฐบาล ห้ามให้มีผู้ชมในสนามจนถึงวันที่ 3 เมษายน
ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ของไทยมีคำสั่งในการเลื่อนโปรแกรมการแข่งขันทั้งหมดในช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 18 เมษายน