×

Wheel of Fortune and Fantasy บางครั้งโชคชะตาคือสิ่งที่สรรค์สร้างขึ้นด้วยจังหวะชีวิตของตัวเราเอง

20.07.2022
  • LOADING...
Wheel of Fortune and Fantasy

**บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ Wheel of Fortune and Fantasy**

 

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของ ริวสุเกะ ฮามากุจิ กันไปบ้างแล้วจากภาพยนตร์เรื่อง Drive My Car (2021) ที่เพิ่งเข้าฉายใน Netflix ไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

คราวนี้เราจึงอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปดูอีกหนึ่งผลงานที่โดดเด่นของเขาอย่าง Wheel of Fortune and Fantasy ที่กำลังจะมีโปรแกรมฉายในเทศกาลภาพยนตร์ ‘กรุงเทพกลางแปลง’ ในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคมที่จะถึงนี้  

 

Wheel of Fortune and Fantasy

 

Wheel of Fortune and Fantasy (วงล้อแห่งโชคชะตาและฝันหวาน) คือผลงานของหนึ่งในผู้กำกับแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ริวสุเกะ ฮามากุจิ ที่แบ่งเรื่องราวต่างๆ ภายในภาพยนตร์ออกมาเป็น 3 ตอน ซึ่งแต่ละตอนนั้นก็จะมีเนื้อหาในแบบฉบับของตัวเองภายใต้ธีมของคำว่า ‘โชคชะตา’ พร้อมกับตั้งคำถามถึงนิยามของความรัก ความทรงจำ และความอีโรติก ผ่านการพบพานที่เต็มไปด้วยบทสนทนาและการกระทำต่างๆ ของตัวละครตามสไตล์ฮามากุจิ

 

แต่สิ่งที่เราอยากจะพาผู้อ่านไปดูคือคำว่า ‘โชคชะตา’ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คน และสิ่งเล็กสิ่งน้อยที่ถูกสะท้อนออกมาภายในแต่ละตอนที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบอันยอดเยี่ยมมากมาย 

 

MAGIC (or Something Less Assuring): เมื่อ ‘โชคชะตา’ นำพาหัวใจของคนทั้งสามมาเจอกัน 

 

เมโกะ หญิงสาวผู้เป็นนางแบบคนหนึ่งได้มีโอกาสพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตกับ ทสึกุมิ เพื่อนรักของเธอในระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ซึ่งบทสนทนาที่กำลังหลั่งไหลอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นก็คือ เรื่องราวความรักของคนหนุ่มสาวที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก ทสึกุมิต่างก็เล่าเรื่องราวเหล่านั้นออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและมีความสุข แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าตัวละครชายหนุ่มที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในบทสนทนานั้นก็คืออดีตแฟนเก่าของเมโกะ เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ทำให้คนทั้งสามต้องมาบรรจบพบเจอกัน ณ ปลายทางของความรักครั้งนี้

 

แม้จะเคลือบฉากหน้าด้วยความรักแต่เนื้อหาภายในนั้นกลับแสนเจ็บปวด เมื่อความรักถูกตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร? ‘ความรัก’ คือสิ่งที่ทำให้หัวใจของเราพองโต หรือเป็นเครื่องมือที่เอาไว้ใช้ทำร้ายคนที่เรารักกันแน่? และเราจะยังรักคนคนหนึ่งได้นานแค่ไหน 1 ปี 10 ปี หรือตลอดไป? 

 

ตอนของเมโกะนั้นจึงเป็นเหมือนการนำพาตัวแทนความรู้สึกที่มีต่อความรักหลากหลายรูปแบบให้มาเผชิญหน้ากัน โดยให้ผู้ชมได้ขบคิดและตั้งคำถามถึงใจความสำคัญนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่ยังคงหวงแหน หรือแม้แต่ความรักที่สุดท้ายยังไงก็ต้องปล่อยมือไปทั้งที่หัวใจยังรู้สึกอยู่ ซึ่งฮามากุจิก็ค่อยๆ เล่ามันออกมาอย่างช้าๆ ผ่านบทสนทนาต่างๆ ที่ถูกดำเนินภายในเรื่อง โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า ‘เวลา’ ในภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นถึงพัฒนาการความรู้สึกที่มาจาก ‘ความรัก’ ของตัวละครทุกตัว

 

โดยในระหว่างทางนั้นมันก็ค่อยๆ ปลดเปลื้องความรู้สึกอันหนักอึ้งภายในใจของพวกเขาที่มีต่อคนรักให้กับผู้ชมได้เห็นในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะฉากในออฟฟิศและฉากในคาเฟ่ 

 

ซึ่งคนดูจะได้เห็นทั้งความโกรธ ความเศ้รา ความเจ็บปวด ความสับสน ความคิดถึง รวมไปถึงความรักผ่านบทสนทนาต่างๆ มากมายเหล่านั้น และยังได้ตั้งคำถามหรือมองย้อนกลับมาดูตัวเองว่าแท้จริงแล้วสำหรับเรานั้น ‘ความรัก’ คืออะไรกันแน่?

 

ถึงแม้สุดท้ายเรื่องราว ‘ความรัก’ ของคนทั้งสามนั้นจะมีบทสรุปแบบไหนก็มีแต่เจ้าตัวและโชคชะตาเท่านั้นที่รู้

 

 

DOOR WIDE OPEN: ‘โชคชะตา’ อาจนำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน

 

ซาซากิเด็กหนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งได้มีปัญหากับ เซกาวะ อาจารย์ของเขา 5 เดือนต่อมา ชายหนุ่มได้วางแผนแก้แค้นอาจารย์ของตนด้วยการส่ง นาโอะ เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นคู่นอนของตัวเองไปล่อลวง นาโอะนั้นได้แอบหลับนอนกับซาซากิทั้งที่มีลูกสาวและครอบครัวอยู่ ทำให้หญิงสาวตกเป็นเบี้ยของชายหนุ่มอย่างง่ายดาย แต่นั่นไม่ใช่เพราะนาโอะสมยอมซะทีเดียว เธอเป็นโรคที่ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการทางเพศได้เมื่อถูกกระตุ้น และบาดแผลนั้นเองก็ได้กลายเป็นปมในใจของหญิงสาวมาโดยตลอด จนกระทั่งนาโอะได้อ่านงานเขียนของ เซกาวะ และเชื่อมั่นว่าเขาเองก็น่าจะมีอาการแบบเดียวกับเธอ ทำให้เมื่อทั้งสองพบกันพวกเขาก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนถึงเรื่องราวต่างๆ เริ่มตั้งแต่นิยายที่ชายหนุ่มวัยกลางคนเป็นผู้แต่งไปจนถึงเรื่องราวความลับอันน่าเศร้าของหญิงสาว 

 

“ผมไม่รู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคุณ แต่ถ้าหากคนรอบข้างคุณทำให้คุณคิดว่าคุณไร้ค่า ได้โปรดสู้กลับครับ จงปฏิเสธ เมื่อไม้บรรทัดของสังคมพยายามจะวัดค่าของคุณ คุณจะต้องโอบกอดคุณค่าของตัวเองที่มีแต่คุณเท่านั้นที่รู้ มันอาจเจ็บปวดที่ต้องทำโดยลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำ เพราะมีแต่คนที่ทำสิ่งนี้เท่านั้นที่จะสามารถเชื่อมต่อ และมอบความกล้าให้ผู้อื่นได้ มันอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถ้าไม่มีใครลงมือทำ มันก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย”

 

จนกระทั่งบทสนทนาเหล่านั้นก็ได้จบลงตรงที่พวกเขาทั้งสองคนได้แลกเปลี่ยนข้อตกลงซึ่งกันและกัน หลังจากที่ตกลงกันแล้วหญิงสาวก็ได้ทำการส่งบางสิ่งบางอย่างไปให้ เซกาวะ โดยหารู้ไม่ว่า ‘โชคชะตา’ กำลังจ้องมองมาที่ตัวของพวกเขาอยู่ และสิ่งนั้นเองก็เป็นจุดเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนทั้งสองไปตลอดกาล

 

จากทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาจะพอเห็นได้ว่าในตอนนี้ ไม่เพียงแค่นำเสนอเรื่องราวของทุกชีวิตที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก ‘โชคชะตา’ เท่านั้น แต่มันยังส่งต่อความเชื่อมั่นในตัวเองให้กับผู้ชมด้วย และในบางครั้งการที่ชีวิตเดินทางมาถึงจุดจุดหนึ่งนั้นมันก็เป็นเพราะการกระทำของตัวเองเช่นกัน เราจะเห็นได้จากการที่นาโอะนั้นต้องตกเป็นลูกไล่ให้กับซาซากิใช้เป็นเครื่องมือ เพราะตัวเธอไม่สามารถหักห้ามใจของตัวเองได้ ทำให้นาโอะนั้นคิดว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่าที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรซาซากิได้เลย แต่ เซกาวะ ก็เป็นคนบอกกับเธอหรือบางทีอาจจะเป็นคนดูว่า 

 

บางครั้งในชีวิตของคนเราก็เคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนไร้ค่า อาจจะเป็นเพราะการกระทำหรือคำดูถูกจากสังคม แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องลุกขึ้นสู้ แม้ในระหว่างทางมันจะเจ็บปวดอยู่บ้าง เราก็ต้องเชื่อมั่นว่าตัวเองนั้นมีคุณค่า เพราะหากไม่เชื่อมั่นแล้ว เราก็จะไม่สามารถส่งต่อคุณค่าในชีวิตของเราให้กับผู้อื่นได้อีกเลย  

 

เพราะคุณค่าที่แท้จริงนั้นมีเพียงตัวเราเท่านั้นที่รู้ และในบางครั้ง ‘โชคชะตา’ ก็อาจนำมาซึ่งความเจ็บปวดมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน จะจมปลักอยู่กับคำดูถูก หรือจะก้าวต่อไปข้างหน้าเพื่อมอบความกล้าให้กับคนข้างหลังที่เคยเป็นเหมือนเรา

 

บางทีสำหรับ Wheel of Fortune and Fantasy ในตอนนี้คำว่า ‘โชคชะตา’ อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนสรรค์สร้างขึ้นมาด้วยจังหวะชีวิตของตัวเองก็เป็นได้

Wheel of Fortune and Fantasy

 

ONCE AGAIN: แด่ ‘โชคชะตา’ ที่นำพาผู้คนมาอยู่ในความทรงจำตลอดไป 

 

นัตสึโกะ หญิงสาววัยกลางคนได้เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นในต่างเมืองแล้วบังเอิญพบกับ อายะ หญิงสาวคนหนึ่งที่ภายนอกดูเหมือนกับอดีตคนรักของเธอ ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนที่จะพบความจริงว่าคนที่พวกเธอกำลังพูดคุยอยู่นั้นเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชีวิต และนั่นก็นำไปสู่การปลดเปลื้องเรื่องราวความรู้สึกและความทรงจำของพวกเธอทั้งสองคน

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนแปลกหน้าสองคนมาพูดคุยกัน? นี่น่าจะเป็นโจทย์ข้อหนึ่งที่สำคัญที่สุดของตอนนี้ ซึ่งฮามากุจิก็ถ่ายทอดมันออกมาผ่านเรื่องราวของโชคชะตาที่นำพาให้คนทั้งสองที่ไม่รู้จักกันได้มีโอกาสมาพบและพูดคุยกัน

 

ถึงแม้พวกเธอจะไม่รู้จักหน้าค่าตากันมาก่อน แต่ในบางครั้งสิ่งที่คนทั้งสองต้องการมากที่สุดในเวลานี้อาจจะเป็น ‘คนที่คอยรับฟัง’ ก็ได้ เพราะหากดูแล้วอายุอานามของพวกเธอทั้งคู่นั้นก็ไม่น่าจะใช่น้อยๆ แล้ว เพื่อนฝูงที่เคยมีมาก็ห่างหายไปตามกาลเวลา ครั้นจะเอาไปพูดให้คนในครอบครัวฟังก็ดูจะเป็นไปไม่ได้อีก ทำให้ทั้ง นัตสึโกะ และ อายะ นั้นต่างก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อคนคนหนึ่งในอดีตเอาไว้อยู่ภายในใจของพวกเธอมาโดยตลอด 

 

จนกระทั่งโชคชะตาก็ได้นำพาคนทั้งสองมาพบกัน แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาๆ สั้น แต่สุดท้ายพวกเธอก็ได้ปลดเปลื้องเรื่องราวความรู้สึกอันหนักอึ้งในอดีตที่ยังคงกัดกินจิตใจมาจนถึงปัจจุบันในที่สุด 

 

สำหรับ Wheel of Fortune and Fantasy ในตอนนี้เราจะได้เห็นถึงมวลอารมณ์อันหนักอึ้งของตัวละครมากกว่าสองตอนที่ผ่านมา โดยมันจะค่อยๆ ถูกบอกเล่าออกมาผ่านคำพูดและการกระทำต่างๆ ภายในเรื่อง ซึ่งทั้งหมดนั้นมันช่างเต็มไปด้วยความเศร้าและความคิดถึงอย่างมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องราวของการพบพานครั้งนี้ก็คือ เมื่อทั้งคู่ต่างก็รับรู้ซึ่งกันและกันว่าคนที่ตัวเองกำลังพูดคุยอยู่นั้นเป็น ‘คนแปลกหน้า’ เหตุใดพวกเธอทั้งสองถึงยังคงพูดคุยกันต่อ?

 

นั่นก็เพราะบางครั้งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนใครบางคนก็ยังคงแหวกว่ายอยู่ภายในหัวใจของเราเสมอ ซึ่งมันอาจทำให้หวนนึกถึงความทรงจำต่างๆ มากมายที่เคยมีร่วมกันกับตัวเขาในอดีต และเมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดอาจจะหนีไม่พ้นใครสักคนที่คอยรับฟังเรื่องต่างๆ ของเรา แม้จะไม่ได้รู้จักกัน แม้มันจะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่สุดท้ายชีวิตที่มีใครสักคนคอยรับฟังนั้นก็สามารถช่วยเยียวยาหัวใจที่อ่อนล้าได้จริงๆ 

 

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้นก็ทำให้ Wheel of Fortune and Fantasy เป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกของฮามากุจิที่เล่นกับความเรียบง่ายของชีวิตผู้คนได้อย่างชาญฉลาดและคมคาย ด้วยการนำเสนอมันออกมาในรูปแบบภาพยนตร์กึ่งละครเวที โดยใช้ตัวละคร 2-3 ตัวเป็นคนขับเคลื่อนเรื่องราวที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของบทสนทนาและการแสดงอันทรงพลัง 

 

อีกทั้งการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานภาพ เสียง หรือแม้กระทั่งสถานที่เอง ก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากไม่แพ้กับบทสนทนาและการแสดงเหล่านั้นเลย จนสุดท้ายมันก็ได้นำมาซึ่งความประทับใจที่ไม่รู้ลืมให้กับผู้ชมในที่สุด

Wheel of Fortune and Fantasy (วงล้อแห่งโชคชะตาและฝันหวาน) มีกำหนดฉายในเทศกาลภาพยนตร์ ‘กรุงเทพกลางแปลง’ ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ที่สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมสำคัญที่คอภาพยนตร์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แต่หากใครที่ไม่สะดวกจะไปร่วมงานก็สามารถรับชมได้ทาง Doc Club on Demand

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising