คำว่า ‘คอลลาเจน’ มาจากคำภาษากรีก ‘kólla’ ที่มีความหมายว่า ‘กาว (glue)’ น่าจะเป็นคำคุ้นหู โดยเฉพาะสำหรับคนที่กลัวริ้วรอยและความเหี่ยวย่นมาขอเป็นเพื่อนจนต้องไปซื้อหาคอลลาเจนสารพัดแบบมาบริโภคเป็นอาหารเสริม แต่รู้กันบ้างหรือเปล่าว่าประโยชน์ของคอลลาเจนมีอะไรบ้าง? จะแค่ช่วยลดผิวเหี่ยวย่น ชะลอการเกิดริ้วรอยในด้านความงามเท่านั้นหรือ?
อะไรคือคอลลาเจน?
จากบทความในนิตยสาร Time ที่ระบุว่าการผลิตปริมาณคอลลาเจนในร่างกายคนเราจะมากน้อยตามอายุและอาหารที่รับประทานเข้าไป ดร.มาร์ค โมยาด (Dr. Mark Moyad) ผู้อำนวยการด้านป้องกันและแพทย์ทางเลือกจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) และผู้เขียนหนังสือ The Supplement Handbook กล่าวว่า “คอลลาเจนเป็นอะมิโนแอซิดพื้นฐานชนิดหนึ่งที่ร่างกายของเราสร้างได้อยู่แล้ว และอาหารกับอาหารเสริมต่างๆ ที่มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบทำให้เกิดเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเป็นโปรตีน”
คริสตี บริสเซ็ตต์ (Christy Brissette) นักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าวิจัยจากเว็บไซต์ 80 Twenty Nutrition อธิบายว่าคอลลาเจนมีหลายชนิด สามารถได้มาทั้งจากข้อกระดูกสัตว์ หนัง และเนื้อบริเวณสะโพก ที่เราสามารถได้มาผ่านการนำเนื้อสัตว์มาทำเป็นซุปหรือทำสตู อาหารที่ใช้ระยะเวลาในการทำอย่างช้าๆ จนมีไขกระดูกออกมา (เหล่ามังสวิรัติทั้งหลายพึงระวัง) นอกจากนั้นคอลลาเจนยังหาได้ในรูปอาหารเสริมที่คล้ายผงโปรตีน
ส่วนนักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าวิจัย ดาเนียลล์ โอมาร์ (Danielle Omar) เผยว่าสามารถใช้คอลลาเจนผงแทนผงโปรตีนแบบเดิมๆ “การบริโภคคอลลาเจนไม่ทำให้ฉันมีอาการข้างเคียงเหมือนตอนที่ใช้เวย์โปรตีนหรือโปรตีนที่มีส่วนผสมของถั่ว เพราะเวย์โปรตีนอาจทำให้คนที่แพ้ผลิตภัณฑ์นมเกิดอาการได้ สำหรับผลข้างเคียงโปรตีนจากถั่ว อาจจะเพราะขั้นตอนย่อยที่เป็นการหมักบ่ม”
ทั้งนี้บริสเซ็ตต์เสริมอีกว่า “เป็นเพราะร่างกายเราสามารถเปลี่ยนคอลลาเจนให้เป็นอะมิโนแอซิดได้และรวมตัวกันเป็นโปรตีน แต่ยังไงการบริโภคอาหารเสริมคอลลาเจนก็ไม่ดีเท่าการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน”
คอลลาเจนมีกี่ชนิด
เอาจริงๆ คอลลาเจนมีหลากหลายมากกว่า 10 ชนิด ที่จะสร้างอะมิโนแอซิดและเปปไทด์ที่ต่างกันออกไป ความต่างของคอลลาเจนก็มาจากความต่างของหนังและเอ็นที่เชื่อมต่อกับกระดูกอ่อน หากเลือกซื้อคอลลาเจนเปปไทด์แบบผงจะเป็นคอลลาเจนไฮโดรไลซ์ type-1 ที่ได้จากหนังและข้อต่อของสัตว์และปลา การบริโภคคอลลาเจนไฮโดรไลซ์แบบนี้จะย่อยสลายแตกตัวเล็กลงทำให้เราสามารถใช้กับอาหารไปจนเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นได้
ดร.โมยาดแจงว่า “ยังไม่มีการระบุที่แน่นอนว่าคอลลาเจนชนิดไหนได้ผลดีที่สุด คอลลาเจนราคาไม่แพงตามร้านขายทั่วไปอาจจะมีเจลาตินที่ได้จากคอลลาเจนของสัตว์ซึ่งดีกับผิวและข้อต่อกระดูก แต่ก็ยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจน”
Bovine Collagen นั้นได้จากหนังกับเนื้อของวัวและลูกวัว เป็นคอลลาเจน type 1 ส่วน type 3 เป็นคอลลาเจนที่พบมากในร่างกายมนุษย์และเป็นคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างเองได้ เต็มไปด้วยไกลซีนและโพรลีน มีความสำคัญในการสร้างครีเอทีนในการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ส่วน Chicken Collagen เป็นคอลลาเจน type 2 ที่ดีต่อการสร้างกระดูกอ่อน ข้อต่อ ช่วยชะลอริ้วรอยเพราะมีคอนดรอยติน ซัลเฟตและกลูโคซามีน ซัลเฟต
Fish Collagen เป็นคอลลาเจนจากปลาที่ดูดซึมง่ายและเป็นคอลลาเจน type 1 มีโพรลีน ไกลซีน และไฮโดรไซโพรลีน ช่วยดูแลบำรุงข้อกระดูก กระดูก ผิว เส้นเลือด ระบบย่อยอาหาร โพรลีนเป็นอะมิโนแอซิดที่เชื่อมโยงกันเป็นสายยาวจำเป็นต้องมีวิตามินซีช่วยในการเพิ่มปริมาณออกซิเจน จึงจำเป็นที่จะต้องบริโภคอาหารที่มีวิตามินซีด้วย ส่วน Egg Shell Membrane Collagen เป็นคอลลาเจนจากไข่ พบได้ในเปลือกไข่และไข่ขาว ซึ่งส่วนมากเป็นคอลลาเจน type 1 แต่ก็พอมี type 3 type 4 และ type 10 โดยมีกลูโคซามีน ซัลเฟต, คอนดรอยติน ซัลเฟตกับไฮยาลูโรนิกแอซิด พร้อมกับอะมิโนแอซิดอีกหลายชนิดที่ช่วยในการประสานเนื้อเยื่อต่างๆ ซ่อมแซมรอยแผล เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบและอาการเมื่อยล้าด้วย
กินแล้วผิวไม่เหี่ยวจริงหรือ?
ดร.อดัม ฟรีดแมน (Dr.Adam Friedman) รองศาสตราจารย์ด้านผิวพรรณจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน (George Washington University) บอกความจริงอันน่าเศร้าว่า “คอลลาเจนไม่ได้ช่วยให้ผิวดีหรือผมสวย เพราะคอลลาเจนเมื่อเข้าสู่ระบบย่อยอาหารแล้วจะโดนดูดซึมไป ไม่สามารถรอดพ้นจากค่าความเข้มข้น pH ในลำไส้ไปได้” …อึ้งกันมั้ยล่ะ
มีการค้นคว้าในปี ค.ศ. 2002 อยู่ในวารสาร International Journal of Clinical Pharmacological Research พบว่าในระบบลำไส้มีกรดและเอนไซม์อย่างเปปซินและไฮโดรคลอริกแอซิดที่จะย่อยสลายไฮโดรไลซ์ คอลลาเจนที่มีอยู่ในคอลลาเจนผงที่เราบริโภคเข้าไป แต่ในงานค้นคว้าชิ้นเดียวกันก็บอกว่าคอลลาเจน type 2 (UC-2) ที่ได้จากกระดูกอ่อนไก่ อาจจะผ่านพ้นรอดจากระบบลำไส้ได้แบบไม่สูญเสียโครงสร้างทางเคมีไป แต่ยังคงต้องหาคำตอบกันต่อว่าคอลลาเจนช่วยให้เส้นผมกับเล็บมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วยจริงหรือไม่
แต่นอกจากประโยชน์ทางความงามแล้ว การบริโภคคอลลาเจนให้เพียงพอยังช่วยลดอาการเจ็บของข้อต่อกระดูกและโรคเกี่ยวกับข้อกระดูก โดยมีงานวิจัยต้นปี ค.ศ. 1999 ว่าการบริโภคคอลลาเจน type 2 ปริมาณ 40 มิลลิกรัมทุกวันสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดข้อได้ 26% แต่ก็ยังไม่สรุปแน่ชัดว่าทำไมคอลลาเจนจึงสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดข้อได้ คอลลาเจนอาจจะแค่ช่วยลดอาการเท่านั้น
กระนั้นยังมีการศึกษาทดลองในปี ค.ศ. 2008 ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สเตท (Pennsylvania State University) พบว่านักกีฬาที่บริโภคไฮโดรไลซ์คอลลาเจนที่เป็นคอลลาเจนโปรตีนปกติทั่วไปเป็นเวลา 6 เดือน ช่วยลดการอักเสบของข้อระหว่างเล่นกีฬาและระหว่างพัก ในการศึกษาชิ้นเดียวกันนี้ยังบอกว่าการบริโภคคอลลาเจนยังช่วยให้อาการเจ็บหลังเจ็บเข่าลดลง นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณกระชับ ยืดหยุ่น ชุ่มชื้นขึ้น แต่ ดร.โมยาด แจงว่าเอกสารการศึกษาอันนี้ยังเป็นแค่เบื้องต้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่นหนาพอเพราะโฟกัสแค่บางจุดเท่านั้น
แต่ที่แน่ๆ คืออะมิโนแอซิด หนึ่งในคอลลาเจนที่เรียกว่าไกลซินช่วยลดการอักเสบของระบบย่อยและโรคลำไส้รั่วได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแค่บริโภคคอลลาเจนผงทั่วๆ ไปแล้วจะช่วยได้ ต้องเป็นคอลลาเจนที่มีอะมิโนแอซิดเฉพาะที่ผลิตเพื่อช่วยในการรักษา และ ดร.โมยาด สรุปว่าการเลือกไฮโดรไลซ์คอลลาเจนผงนั้นไม่ทำร้ายระบบลำไส้
กินคอลลาเจนก็แล้วทำไมยังผิวเหี่ยว
ถึงคุณจะทุ่มเงินซื้อคอลลาเจนมากินแค่ไหน กินยาวนานเท่าไร อาจจะเสียเงินเสียเวลาไปแบบไร้ผล บริสเซ็ตต์เตือนว่า “หากคุณยังไม่เปลี่ยนการใช้ชีวิต ยังคงสูบบุหรี่ ตากแดดนานๆ ทำน้ำหนักเพิ่มอย่างรวดเร็ว หรือกินอาหารน้ำตาลสูงๆ อย่างขนมปังขาว หรือข้าวขัดสีจนขาว ทั้งหมดนี้ก็สามารถเร่งเวลาให้ปริมาณคอลลาเจนลดลงเร็วขึ้น แถมยังทำให้ดูแก่ก่อนวัยอีกด้วย”
กินอันนี้สิคอลลาเจนเพียบ
มองหาคอลลาเจนออร์แกนิกอยู่ใช่ไหม? อาหารเหล่านี้มีโปรตีนอยู่เพียบ โดยเฉพาะอะมิโนแอซิดอย่างโพรลีนและกลีไซน์ที่ช่วยสร้างคอลลาเจน เนื้อวัว, เนื้อปลา, ถั่วเหลืองและถั่วอื่นๆ, ผลิตภัณฑ์จากนม, กะหล่ำปลี, ดอกกะหล่ำ, มันหวาน, ไข่, เห็ด, จมูกข้าวสาลี, ผักโขม, หน่อไม้ฝรั่ง
ทั้งนี้ควรรับประทานวิตามินซีควบคู่ไปด้วยเพื่อช่วยในการผลิตคอลลาเจน อย่างพุทรา, กีวี, สับปะรด, มะม่วง, มะขามป้อม, มะขามเทศ, สตรอว์เบอร์รี, มะละกอ, ส้มโอ, ฝรั่ง, พริกระฆัง, ผักเคล, บร็อกโคลีและผลไม้ประเภทส้มหรือมะนาว
เอาจริงๆ หากคุณอยากจะซื้อคอลลาเจนผงมาบริโภคก็คงไม่มีใครว่า แต่อย่าคาดหวังว่าผิวที่มีริ้วรอย ไม่อิ่มเอิบจะกลับมากระชับตึงเรียบเนียนได้ เพราะคอลลาเจนจะโดนย่อยสลายไปในระบบย่อยอาหารและลำไส้ อาจจะเสียเงินไปฟรีๆ แบบได้คืนไม่คุ้มค่า
ดังนั้นแนะว่าควรรับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนอยู่จะดีกว่า บวกกับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำ บวกกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ แล้วเลือกรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงๆ มาเป็นตัวช่วยอีกทาง
อ้างอิง:
- www.health.com/syndication/collagen-supplement-powder-benefits
- www.eatingwell.com/article/290267/should-you-eat-collagen
- www.rodalesorganiclife.com/wellbeing/collagen-supplement-explainer/slide/6
- http://time.com/5034102/collagen-supplement-powder-benefits
- https://draxe.com/what-is-collagen
- www.health.com/nutrition/collagen-supplements
- www.organicbook.com/food