×

‘มหาเศรษฐี’ ต้องมีคุณลักษณะอะไรบ้าง เปิด 5 ข้อที่นักธุรกิจควรรู้

โดย THE STANDARD TEAM
04.12.2020
  • LOADING...
มหาเศรษฐี

เมื่อความสำเร็จของคนๆ หนึ่งไม่ได้วัดกันที่เพียงแค่มูลค่าของตัวเงินที่หามาได้ แต่ยังหมายรวมถึงการได้รับเสียงชื่นชมและความชื่นชอบในด้านต่างๆ จากสาธารณะด้วย จึงกลายเป็นคำถามให้ใครหลายคนต่างค้นหาว่า ทำอย่างไรจึงจะเป็น ‘มหาเศรษฐี’ นักธุรกิจที่ได้รับการยอมรับอย่างชื่นชม

 

งานนี้ Tom Popomaronis ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้นำแนะว่า การเป็นคนรวยที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เป็นเรื่องของมันสมอง โชควาสนา หรือเงินทุนถึงเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมบางอย่างที่คนเหล่านี้มีมากกว่า หรือทำเป็นกิจวัตรมากกว่าคนทั่วไป

 

เป็นคุณลักษณะนิสัย ที่บิล เกตส์ เจ้าพ่อผู้ก่อตั้ง Microsofts, เจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ปลุกปั้นอาณาจักร Amazon, โอปราห์ วินฟรีย์ ตัวแม่แห่งวงการสื่อ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ พ่อมดแห่งโลกการลงทุน มีร่วมกัน และมีมากกว่าคนอื่นๆ

 

Tom Popomaronis กล่าวว่า คุณลักษณะดังกล่าวประกอบด้วย 5 ข้อหลักด้วยกันคือ

  1. อย่าหยุดที่จะยกระดับความคาดหวังของตนเอง ซึ่งหมายถึง เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้หรือตอนนี้เรียบร้อยแล้ว คุณจะยังคงดำรงเป้าหมายเดียวกันสำหรับปีหน้าหรือปีต่อๆ ไปหรือไม่ สำหรับนักธุรกิจที่แสวงหาความสำเร็จอยู่เสมอ คำตอบคือไม่

 

อย่างเจฟฟ์ เบโซส์ เจ้าตัวมักจะคิดถึงสิ่งใหม่ที่จะเป็นก้าวต่อไปเสมอ โดยซีอีโอแห่ง Amazon กล่าวว่า การคิดถึงก้าวต่อไป ความท้าทายใหม่ๆ หรือตั้งความคาดหวังใหม่ๆ เป็นธรรมชาติของมนุษย์

 

“เราไม่ได้สืบทอดจากบรรพบุรุษนักล่าของเราเพียงเพราะว่าเราพึงพอใจ ผู้คนต่างแสดงหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ โดยสิ่งที่ ‘ว้าว’ สำหรับเมื่อวานจะกลายเป็นสิ่งธรรมดาสามัญในวันนี้ คุณไม่สามารถหยุดก้าวเดินบนโลกใบนี้ได้” เบโซส์ระบุ

 

  1. อย่าปล่อยให้ความคิดของคนอื่นมาขัดขวางคุณ ซึ่งหมายความว่า คนทุกคนล้วนมีไอเดียแนวคิดมากมายล้านแปดอยู่ภายในหัว ซึ่งทุกครั้งไอเดียเหล่านี้ต้องการพลัง แรงใจ และกึ๋น ที่จะเดินหน้าลงมือทำในสิ่งที่คิดอยู่ในหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไอเดียนั้นได้รับการคัดค้านจากคนรอบข้าง

 

Sara Blakely ผู้ก่อตั้ง Spanx กล่าวว่า ไอเดียถุงน่องแบบที่สวมเฉพาะน่องเท่านั้น ไม่มีส่วนที่สวมเท้าเหมือนคนทั่วไป ที่ตนเริ่มคิดขึ้นในตอนที่เริ่มทำธุรกิจ ได้รับเสียงหัวเราะเยาะจากคนส่วนใหญ่ มีกระทั่งถึงขนาดปรามาสว่า ถ้าของที่ Blakely คิดมันดีจริง ทำไมถึงไม่มีใครคิดมาก่อน

 

ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านธุรกิจหรือความรู้ในแวดวงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แต่ Blakely ก็ตัดสินใจเดินหน้าทำตามไอเดียของตนเอง โดยก่อตั้ง Spanx ในปี 2000 และกลายเป็นเจ้าของกิจการหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน

 

  1. หมั่นฝึกฝนทักษะการพูดในที่สาธารณะ ในที่นี้หมายความถึงทักษะการสื่อสารกับคนรอบข้าง โดยต้องยอมรับว่า ไม่มีใครเกิดมาโดยมีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม และทักษะการสื่อสารก็เหมือนกับการขับรถ ยิ่งใช้ยิ่งชำนาญ ดังนั้น จะพูดต่อหน้าคนอื่นได้อย่างมั่นใจก็จำเป็นต้องหมั่นฝึกฝน

 

ก่อนที่จะเป็นมหาเศรษฐีนักลงทุนที่ช่ำชองในเรื่องของการพูดให้ความรู้แก่บุคคลทั่วไป บัฟเฟตต์เคยขยาดกลัวกับการพูดต่อหน้าผู้คนอย่างมาก กระนั้น ด้วยรู้ว่าตนเองไม่อาจประสบความสำเร็จได้แน่หากไม่สามารถสื่อสารกับคนอ่าน มหาเศรษฐีนักลงทุนมือฉมังรายนี้จึงตัดสินใจลงเรียนวิชา Public Speaking หรือการพูดในที่สาธาณะ เพื่อเอาชนะความกลัวของตนเอง และกลายเป็นการตัดสินใจที่เจ้าตัวบอกกับใครต่อใครเสมอว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่มีส่วนช่วยให้ตนประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้

 

  1. ตั้งมั่นในเป้าหมาย ไม่ไขว้เขว และไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งลักษณะนิสัยในข้อนี้เป็นสิ่งสามัญที่คนส่วนใหญ่รู้ดี แต่น้อยคนที่จะลงมือปฏิบัติได้อย่างเคร่งครัดจริงจัง เพราะสังคมที่อาศัยอยู่ในทุกวันนี้เป็นสังคมที่มีสิ่งรบกวนและทำให้ไขว้เขวอยู่มาก และแน่นอนว่าการวางสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานเป็นเรื่องดี แต่คนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยขึ้นได้ทั้งหมด ล้วนเป็นคนที่มีวินัยและเคร่งครัดกับตนเองมาก

 

ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวไม่ได้หมายถึงการฝึกฝนตนเองอย่างเข้มงวด แต่หมายถึง การมุ่งทำสิ่งหนึ่งในเวลาหนึ่งด้วยความตั้งใจ และทำงานที่ละอย่างให้เสร็จๆ ไป โดยเบโซส์ ผู้ก่อตั้ง Amazon ระบุชัดว่า ไม่ชอบและไม่สามารถทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ คือถ้าต้องอ่านอีเมล นั่นหมายความว่า ตนเองกำลังอ่านอีเมลอยู่ หรืออย่างกรณีของอีลอน มัสก์ ที่คนทำงานรอบข้างมักพูดเสมอว่า ถ้าเจ้าตัวสนใจในอะไรแล้ว ไม่มีใครหรืออะไรมาดึงให้ว่อกแว่กได้

 

  1. รักการอ่าน ไม่ห่างจากหนังสือ โดยผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า สิ่งที่คนๆ หนึ่งทำในยามว่าง จะมีผลต่อการประสบความสำเร็จ และหนึ่งในกิจกรรมยามว่างที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตก็คือการอ่านหนังสือ เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดและสะดวกที่สุดในการซึมซับความรู้

 

วินฟรีย์เขียนไว้ว่า ไม่มีสิ่งไหนหรือกิจกรรมใดๆ ที่สามารถทดแทนประสบการณ์ที่คนๆ หนึ่งจะได้รับจากการอ่าน ขณะที่เกตส์เองก็ต้องอ่านหนังสืออย่างน้อย 50 เล่มต่อปี หรือ Mark Cuban ที่ต้องอ่านหนังสือให้ได้มากกว่า 3 ชั่วโมงในแทบทุกวัน และบัฟเฟตต์ ที่ต้องใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงอ่านหนังสือพิมพ์และรายงานธุรกิจทุกวัน

 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising