×

WeTV กับบทพิสูจน์ความสำเร็จในสมรภูมิวิดีโอสตรีมมิงจาก ‘เจ้ายุทธจักรคอนเทนต์จีน’ สู่การเป็น ‘ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งเอเชีย’ [Advertorial]

01.09.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • Tencent Video แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ของจีน ตัดสินใจเลือก ‘เมืองไทย’ เป็นพื้นที่ให้บริการแรกที่ขยายการให้บริการออกนอกประเทศภายใต้ชื่อ WeTV ซึ่งแม้จะเป็นน้องใหม่ แต่ก็เก๋าประสบการณ์ เพราะเพียงแค่ 1 ปีกว่าๆ มียอดดาวน์โหลดเติบโตจากปีที่แล้วถึง 7 เท่า
  • 3 กลยุทธ์สำคัญที่ตอกย้ำการเป็นศูนย์รวมความบันเทิงแห่งเอเชียคือ ออริจินัล คอนเทนต์ที่สร้าง Talk of the Town จากทั้งซีรีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร, สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย และรายการ CHUANG 2020 คอมมูนิตี้ที่แข็งแรงและนวัตกรรมที่ช่วยสร้างประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับผู้ใช้งาน

จากข้อมูลของ We Are Social และ Hootsuite ที่ได้สำรวจ Thailand Digital 2019 หรือพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทย พบว่า ในแต่ละวันคนไทยใช้เวลา 3 ชั่วโมง 44 นาที ไปกับการดูคอนเทนต์ ทั้งรายการทีวี สตรีมมิง และวิดีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลสำรวจพฤติกรรมของการดูคอนเทนต์สตรีมมิงพบว่า 98% นิยมดูวิดีโอออนไลน์

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Tencent Video แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ของจีน ตัดสินใจเลือก ‘เมืองไทย’ เป็นพื้นที่ให้บริการแรกที่ขยายการให้บริการออกนอกประเทศ แม้ในเวลานั้นสมรภูมิวิดีโอสตรีมมิงของบ้านเราจะร้อนระอุท่ามกลางรุ่นพี่ยักษ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนแล้วทั้งไทยและเทศก็ตาม แต่น้องใหม่รายนี้ก็ไม่มีหวั่น

 

กนกพร ปรัชญาเศรษฐ Country Manager, WeTV Thailand บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำชัดกับ THE STANDARD ว่า Tencent Video เลือกไทยเป็นพื้นที่ให้บริการแรกโดยไม่ลังเลเลย หลังศึกษาตลาดแล้วพบว่า บ้านเรามีความพร้อมทั้งในด้านจำนวนประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภค อีกทั้งความพร้อมด้านคอนเทนต์ที่ส่งตรงมาจาก Tencent Video ประกอบกับความเชี่ยวชาญของทีมงานที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของเทนเซ็นต์ ประเทศไทย

 

“ในหนึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมา สนุกมาก เราเองมีเป้าหมายที่ค่อนข้างใหญ่ ตั้งแต่การแถลงข่าวเปิดตัว WeTV ในช่วงกลางปีที่แล้ว เราคิดว่าในการมองเห็นโอกาสทางด้านธุรกิจของเรานั้นไม่ผิดพลาด WeTV สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามที่เราตั้งเป้าไว้

 

​“ปัจจุบันยอดดาวน์โหลดเราเติบโตจากปีที่แล้ว 7 เท่า คอมมูนิตี้ที่เราสร้างขึ้นในโซเชียลมีเดียต่างๆ ของทาง WeTV เองก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็น Key Communication Channel ที่สำคัญของเราเลย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นของ WeTV คือฟีเจอร์คอมเมนต์วิ่ง (Flying Comment) จนถึงปัจจุบันมีคอมเมนต์ที่วิ่งอยู่บนแพลตฟอร์มแล้วกว่า 5 ล้านคอมเมนต์”

 

3 กลยุทธ์หลักที่ตอกย้ำการเป็นศูนย์รวมความบันเทิงแห่งเอเชีย

ท่ามกลางสงครามอันดุเดือดของสมรภูมิวิดีโอสตรีมมิง สิ่งที่ทำให้ WeTV นั้นโดดเด่นเหนือใครประกอบไปด้วย 3 แกนหลัก คือ ออริจินัล คอนเทนต์ คอมมูนิตี้ และนวัตกรรม 

 

เรื่องแรก ‘ออริจินัล คอนเทนต์’ ต้องบอกว่า WeTV นั้นจับเรื่องนี้ได้อย่างตรงจุด เพราะก่อนที่ WeTV จะเข้ามา คอนเทนต์ในบ้านเราส่วนใหญ่หากไม่ได้มาจากตะวันตกก็เป็นคอนเทนต์เกาหลีเป็นส่วนมาก แต่ ‘คอนเทนต์จีน’ ที่คนไทยคุ้นเคยมานานกลับมีให้เลือกไม่มากนักในแพลตฟอร์มทั่วไป ดังนั้นคนดูจึงหันไปดูแพลตฟอร์มทางเลือกกันเป็นส่วนมาก

 

กนกพร ปรัชญาเศรษฐ Country Manager, WeTV Thailand บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

ดังนั้นเมื่อ WeTV เข้ามาพร้อมกับคอนเทนต์ที่หลากหลายจากจีนกว่า 100 คอนเทนต์ ทั้งซีรีส์ฟอร์มยักษ์และรายการวาไรตี้ที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มทางเลือก ด้วยพากย์ไทยที่ช่วยเสริมอรรถรสของการรับชมได้เต็มอิ่ม หรือซับไตเติลสำหรับคนที่อยากได้บรรยากาศของตัวละครที่พูดภาษาจีนก็มีให้เช่นเดียวกัน ไม่ต้องเหนื่อยในการเดาคำอีกต่อไป 

 

“หลังจากคนที่ดูคอนเทนต์เกาหลีและได้หันมาดูคอนเทนต์จากจีน ได้มีการพูดคุยในโซเชียลมีเดียในเชิงตลกว่า “มาจีนแล้วกลับโซลไม่ได้” อันนี้เราก็รู้สึกว่าเป็นความภาคภูมิใจของทาง WeTV เพราะถ้าพูดถึงแพลตฟอร์มที่นำเสนอคอนเทนต์จีนในช่วงเวลาที่ผ่านมามีเราเป็นหลัก แล้วพอมีฟีดแบ็กของทางผู้ชมพูดถึงในลักษณะแบบนี้ เราก็ดีใจว่า คอนเทนต์ที่เราเลือกนำมาเสนอถือได้ว่าตรงกับความต้องการของคนไทย”

 

สร้างชื่อ WeTV ในเมืองไทยในฐานะ ‘เจ้ายุทธจักรคอนเทนต์จีน’ ด้วยฮีโร่คอนเทนต์จาก Tencent Video

ในสมรภูมิวิดีโอสตรีมมิงนั้นอย่างที่รู้กัน อาวุธหลักที่ใช้ต่อสู้ในการดึงความสนใจของคนดูคือ ‘คอนเทนต์’ แต่คอนเทนต์ธรรมดาคงไม่พอที่จะต่อสู้ในสงครามอันดุเดือด 

 

ดังนั้นอาวุธชิ้นสำคัญที่หยิบขึ้นมาใช้ในการสร้างความแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นคือ อาวุธที่ชื่อว่า ‘ออริจินัล คอนเทนต์’ 

 

ในบรรดาออริจินัล คอนเทนต์ที่มีอยู่มากมายของ WeTV ที่หาชมไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว กนกพรได้ยกตัวอย่าง ออริจินัล คอนเทนต์ 3 ชิ้น ที่ถือเป็น Talk of the Town ของไทย

 

ปรมาจารย์ลัทธิมาร กระตุ้นผู้ใช้งาน WeTV เพิ่ม 250%

แน่นอนว่าออริจินัล คอนเทนต์แรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ปรมาจารย์ลัทธิมาร (The Untamed) สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากออกอากาศคือ จำนวนผู้ใช้งาน WeTV เพิ่มขึ้นมากถึง 250% ซึ่งหากให้ประเมินความสำเร็จดังกล่าวมาจากหลายปัจจัย ทั้งเนื้อเรื่องที่เป็นนวนิยายโด่งดังมาก่อน จึงมีผู้รอชมอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงเคมีของนักแสดง 2 คน เซียวจ้าน และ หวังอี้ป๋อ ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี

 

 

ขณะเดียวกันความ Talk of the Town ของซีรีส์จีนเรื่องนี้ยังได้เข้ามายืนยันอีกหนึ่งความสำเร็จกลยุทธ์ของ WeTV นั่นคือ ‘คอมมูนิตี้’ เพราะหลังจากที่ได้ชมซีรีส์ กลุ่มคนเหล่านี้ยังได้หยิบเรื่องนี้ไปพูดต่อบนโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะใน Twitter ซึ่งติดเทรนด์ในทุกตอนที่ออกอากาศ แม้จะมีมากถึง 50 ตอนก็ตาม 

 

ที่สำคัญในตอนสุดท้าย (ตอนที่ 50) ยังได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการที่แฮชแท็กภาษาไทย #ปรมาจารย์ลัทธิมารep50 ติดอันดับหนึ่งทั้ง Thailand Trends และ Worldwide Trends มียอดการรีทวีตมากกว่า 1 ล้านครั้ง ซึ่งแปลว่า ไม่ได้มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่ดู แต่ยังมีกลุ่มคนดูอยู่ทั่วโลกอีกด้วย

 

เมื่อเห็นถึงกระแสที่เกิดขึ้น ทาง WeTV จึงได้ต่อยอดเพื่อสร้างคอมมูนิตี้ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยการจัดงานแฟนมีตติ้ง กนกพรเล่าเบื้องหลังให้ฟังว่า วันนั้นทีมงานลุ้นกันมากเพราะจัดงานแฟนมีตติ้งวันเดียวกับคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดังของเกาหลีใต้ ซึ่งไม่สามารถเลื่อนการจัดได้ เพราะความพร้อมและคิวนักแสดงได้แค่ในช่วงนั้น 

 

“ตอนเปิดจองบัตรคิวทีมงานตกใจกันมาก เพราะมีประมานแสนกว่าคิว แต่ว่าบัตรเราขายแค่ 5,000 ใบ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้เราเป็นอย่างมาก แฟนคลับบางคนตั้งใจไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เพราะว่าต้องการจะใช้ความแรงของเครื่องในการจองบัตร ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่า เราได้รับการตอบรับจากคอมมูนิตี้เป็นอย่างดี เราเลยรู้ว่า การเพิ่มประสบการณ์ร่วมแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับคนดู จาก Online ไปสู่ Offline เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้เกิดคอมมูนิตี้กับตัวของคอนเทนต์ที่เรานำเข้ามา” 

 

สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย ซีรีส์ยอดนิยมแห่งปีที่มียอดการรับชมสูงถึง 45 ล้านนาทีในหนึ่งวัน 

อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ซีรีส์จีนเรื่อง สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย (Eternal Love of Dream) ซึ่งเป็นภาคต่อมาจากเรื่อง สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ (Eternal Love) ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีฐานผู้ชมรออยู่แล้ว บวกกับการที่ในแพลตฟอร์ม WeTV มีให้ชมทั้งแบบพากย์ไทยและซับไทย ทำให้หลังจากที่ออกอากาศได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ โดยเป็นซีรีส์ยอดนิยมแห่งปีที่มียอดการรับชมสูงสุดถึง 45 ล้านนาทีในหนึ่งวัน 

 

 

ข้านี่แหละองค์หญิงสาม กับ บทพิสูจน์ ความสำเร็จ นวัตกรรม Fast Track 

นอกจากนี้ยังมีเรื่อง ข้านี่แหละองค์หญิงสาม ที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน ซึ่งซีรีส์จีนเรื่องนี้แม้จะแต่งตัวแบบจีนโบราณ แต่ว่าเนื้อเรื่องร่วมสมัยมากๆ คนดูชื่นชอบ ซึ่ง WeTV ได้มีการทดลอง ‘นวัตกรรม’ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ข้อที่ 3 โดยทดลองเปิดฟีเจอร์ใหม่ในชื่อ ‘Fast Track’ ซึ่งเป็น Business Model ใหม่ของเรา

 

โดยเปิดให้ดูตอนใหม่ล่าสุดก่อนใครไม่ต้องรอตามตารางดังเช่นปกติ ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดผู้ชมเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะเดียวกันความนิยมของ ข้านี่แหละองค์หญิงสาม ได้ก่อให้เกิดกระแสเรียกร้องให้สร้างภาค 2 ซึ่งในที่สุด Tencent Video ก็ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ประกาศสร้างภาค 2 เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

CHUANG 2020 รายการวาไรตี้ที่ปลุกกระแสสายโหวตทั่วเอเชีย

อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงออริจินัล คอนเทนต์ที่เป็นซีรีส์แล้ว อีกประเภทที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ รายการวาไรตี้จากประเทศจีนที่ปลุกกระแส Talk of the Town ไปทั่วเอเชีย CHUANG 2020 

 

โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา WeTV ได้เปิดตัว CHUANG 2020 รายการวาไรตี้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีจาก Tencent Video ซึ่ง WeTV เป็นช่องทางเดียวที่ได้รับสิทธิ์ออกอากาศรายการนี้พร้อมประเทศจีน พร้อมทั้งสามารถโหวตให้กับเหล่าเด็กฝึกผ่านทางแอปพลิเคชัน WeTV 

 

ด้วยรูปแบบรายการที่ชวนให้ติดตามจากการเฟ้นหาเด็กฝึกหน้าใหม่ 7 คน จากทั้งหมด 101 คน เพื่อสร้างวงเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ โดยรายการมีการใช้ศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับเอเชียเป็นทีมโค้ชฝึกสอน 

 

 

โดยเด็กฝึกที่เข้าร่วมรายการล้วนมีความสามารถระดับมืออาชีพ หนึ่งในนั้นคือ เนเน่-พรนับพัน พรเพ็ญพิพัฒน์ สาวไทยเพียงหนึ่งเดียวในรายการ ที่ฝ่าฟันและพิสูจน์ความสามารถให้เห็น จนได้รับคะแนนโหวตในรอบสุดท้ายกว่า 125 ล้านคะแนน จนได้เปิดตัวเป็น 1 ใน 7 สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง BonBon Girls 303

 

 

โอกาสนี้ WeTV ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์เปิดให้ผู้ใช้งานร่วมโหวตให้กับเด็กฝึกที่ตนชื่นชอบ ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนชาวไทยเป็นอย่างมาก ด้วยสถิติจำนวนผู้ใช้งานที่ร่วมโหวตผ่าน ‘ฟีเจอร์โหวต’ ในแอปพลิเคชันมากถึง 400,000 บัญชี ตลอดทั้งซีซัน 

 

ซึ่ง WeTV ถือเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิง ‘เจ้าแรก’ ที่เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในไทย โดยผลที่เกิดขึ้นคือ ก่อให้เกิดประสบการณ์ร่วมที่เป็นรูปธรรมบนแพลตฟอร์มแบบที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน

 

 

และในการออกอากาศรายการ CHUANG 2020 รอบตัดสิน ซึ่งเป็นการรับสัญญาณถ่ายทอดสดจากประเทศจีน WeTV ยังได้เอาใจแฟนๆ ชาวไทยด้วยการนำเสนอการออกอากาศในรูปแบบ ‘สดซ้อนสด’ พร้อมจัดทีมผู้บรรยายภาษาไทย และเชิญพิธีกรและดาราชื่อดังมาร่วมดำเนินรายการ เพื่อสร้างสีสันเพิ่มอรรถรสให้กับแฟนๆ ในการรับชมรายการ 

 

 

นอกจากนี้รายการ CHUANG 2020 ยังมียอดการรับชมการถ่ายทอดสด CHUANG 2020 รอบไฟนอล ผ่านทุกช่องทางของ WeTV รวมแล้วกว่า 2.5 ล้านครั้ง และยังมีจำนวนการรับชมตลอดระยะเวลาออกอากาศจนจบซีซันถึงกว่า 175 ล้านนาที 

 

“สิ่งที่เราเซอร์ไพรส์คือ CHUANG 2020 ตอบโจทย์กลยุทธ์ของ WeTV ได้อย่างชัดเจนในทั้ง 3 ข้อ ได้แก่ คอนเทนต์ที่แข็งแรง นวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านฟีเจอร์โหวต และคอมมูนิตี้ที่เป็นหนึ่งในแรงผลักสำคัญที่ทำให้เนเน่สามารถเป็น 1 ใน 7 สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง BonBon Girls 303 ได้ เพราะมีกลุ่มคนดูที่ช่วยกันโหวตรวมกันกว่า 125 ล้านคะแนน

 

“ซึ่งในรอบ Final นั้นปรากฏว่า แฮชแท็กใน Twitter ได้ติด Thailand Trends อันดับ 1 เป็นระยะเวลา 6 ชั่วโมงด้วยกัน นานมากเมื่อเทียบกับการติดเทรนด์ทั่วไปที่อยู่ราว 2 ชั่วโมงเท่านั้น”

 

จาก ‘เจ้ายุทธจักรคอนเทนต์จีน’ สู่การเป็น ‘ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งเอเชีย’

ถึงวันนี้ WeTV จะแข็งแกร่งด้วยการเป็น ‘เจ้ายุทธจักรคอนเทนต์จีน’ แต่ในอนาคตสมรภูมิวิดีโอสตรีมมิงยังคงไม่หยุดนิ่ง มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นจากทั้งผู้เล่นหน้าเก่า หรือกระทั่งผู้เล่นหน้าใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาชิงเค้ก ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่อยู่เหนือกว่าทุกคน จึงต้องสร้างความแข็งแรงของคอนเทนต์ให้ชัดเจน

 

“พอเราเป็นแพลตฟอร์ม เราก็โชคดีตรงเรามีดาต้ามารองรับ ก็จะเห็นเลยว่าอันนี้เป็นทิศทางที่สามารถเจาะกลุ่มผู้ใช้ใหม่ รวมถึงรักษากลุ่มของผู้ใช้งานแต่ละประเภทไว้ได้ เราก็เลยตัดสินใจว่า ถ้าอย่างนั้นทิศทางในการสร้าง Position ของเราในปีนี้ก็เลยเป็น Asian Premium Selection”

 

โดยคอนเทนต์เอเชียที่จะถูกนำเข้ามาจะหลากหลายมากขึ้นทั้งในฝั่งของจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ในรูปแบบของซีรีส์ รายการวาไรตี้ และแอนิเมะ โดยเฉพาะคอนเทนต์จากจีนซึ่งมีความแข็งแรงมากๆ ทั้งเนื้อเรื่องที่มีความเข้มข้นและนักแสดงนำที่เป็นที่รู้จัก เช่น The Oath of Love’ นำแสดงโดย เซียวจ้าน, นางโจร นำแสดงโดย หวังอี้ป๋อ และ บันทึกปิ่น นำแสดงโดย คริส วู

 

 

3 เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่แฟนๆ WeTV รอคอย ถ้าออกอากาศเมื่อไร เชื่อมั่นว่าจะสร้างปรากฏการณ์ได้ไม่น้อยไปกว่าซีรีส์จีนเรื่องอื่นๆ ที่บอกไปตอนต้นอย่างแน่นอน

 

ในปีนี้ยังมี Flagship Exclusive Content ของไทย 1 เรื่องนั่นคือ ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius The Series) ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ชมได้ที่เดียวใน WeTV (Online Exclusive) โดยทำร่วมกับ GDH สาเหตุที่เลือกเรื่องนี้นั้น กนกพรมองว่า ฉลาดเกมส์โกง ในเชิงภาพยนตร์ประสบความสำเร็จทั่วโลก 

 

พอ Tencent Video ไปคุยกับ GDH จึงเห็นพ้องต้องกันว่า มีโอกาสต่อยอดในการเล่าเรื่อง เพราะในภาพยนตร์ 2 ชั่วโมงกว่าๆ มันกระชับ พอมานั่งดูเนื้อหา ฉลาดเกมส์โกง สามารถสร้างเรื่องในแต่ละจุด ขยายความตื่นเต้น ขยี้บท ปม หรือนักแสดงนำได้อีกค่อนข้างเยอะ ตัวภาพยนตร์เองประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในจีน

 

“นอกจากนี้ WeTV ประเทศไทยมีความตั้งใจที่อยากจะพาคอนเทนต์ดีๆ ของไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศ จึงได้นำ ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius The Series) ไปเผยแพร่แบบคู่ขนานอีก 4 พื้นที่ให้บริการ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และจีน (ไต้หวัน)” 

 

 

ขณะที่ออริจินัล คอนเทนต์ของไทย WeTV ได้จับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตแถวหน้าที่เชี่ยวชาญในการสร้างคอนเทนต์ซีรีส์วาย ภายใต้โปรเจกต์ ‘ปฏิบัติการณ์หัวใจวาย’ เตรียมทำซีรีส์วายทั้งหมด 3 เรื่องได้แก่ เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น ของ GMMTV, พฤติการณ์ที่ตาย ซีรีส์วายแนวสืบสวนสอบสวนเรื่องแรกของเมืองไทยที่ทำร่วมกับ TV Thunder และ เชือกป่าน เรื่องราวคู่ขนานของซีรีส์เรื่อง ด้ายแดง ที่ประสบความสำเร็จในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยทำร่วมกับสตูดิโอวาบิ ซาบิ

 

ในช่วงท้ายของการพูดคุย เราถามกนกพรว่า อะไรคือความท้าทายที่สุดของ WeTV ซึ่งกนกพรตอบว่า

 

“ความท้าทายของเราคือ ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด คนส่วนมากต้อง Work from Home ส่งผลให้ยอดจำนวนดาวน์โหลดของเราเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เป็นโจทย์ใหญ่ของเราว่า เราจะสามารถ Maintain ให้ผู้ใช้งานทั้งกลุ่มผู้ใช้งานเดิมและผู้ใช้หน้าใหม่อย่างไรให้พวกเขาอยู่กับเราต่อไป ดังนั้นอาวุธสำคัญที่สุดคือ ‘คอนเทนต์’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออริจินัลคอนเทนต์ที่ในปีนี้เราวางแผนจะผลิตทั้งหมด 5-6 เรื่อง และในปีหน้าคาดว่าจะผลิตอีกประมาณ 15-20 เรื่องด้วยกัน ประกอบกับการสร้างประสบการณ์ร่วมแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับคนดูในรูปแบบ Online Only ที่จะช่วยเชื่อมโยงคอมมูนิตี้ของเราในยุค New Normal ให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

 

นี่ถือเป็นการลั่นกลองรบของ WeTV ที่ย้ำชัดว่า ไม่แพ้ใครแน่นอนในสมรภูมิวิดีโอสตรีมมิงที่ร้อนแรง

 

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising