‘อย่าเริ่มทำสงครามราคา’ ถือเป็นอีกหนึ่งประโยคทรงพลังในซีรีส์ที่กำลังเป็นกระแส Talk of the Town อย่าง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่ดึงความสนใจให้กับกลุ่มผู้ชมที่อยู่ในแวดวงธุรกิจไม่น้อย สำหรับประเด็นเรื่อง ‘การทำสงครามราคา’ ที่สะท้อนบทเรียนจริงในโลกธุรกิจที่เรามักจะเห็นกันอยู่ไม่น้อยในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ซึ่งประโยคนี้กำลังเกิดขึ้นกับหม้อสุกี้ที่มีมูลค่าราว 1.5-2 หมื่นล้านบาท เมื่อยักษ์ใหญ่ผู้ครองตลาดอย่าง MK หยิบเอาไม้เด็ด ‘บุฟเฟต์’ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการแข่งขันที่ดุเดือดและการชูจุดขายด้านราคาที่ได้ทดลองเปิดเต็มตัวอยู่แล้ว แต่รอบนี้ทำในสเกลที่ใหญ่ขึ้นใน 200 กว่าสาขาทั่วประเทศ ซึ่งไม่ใช่ทุกสาขา แต่เฉพาะสาขาโลตัส บิ๊กซี และสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
‘บุฟเฟต์ 299’ หมัดน็อกหวังทวงบัลลังก์
โปรโมชันดังกล่าวจัดขึ้นด้วยราคาที่ ‘เร้าใจ’ อย่าง 299 บาท/คน โดยเป็นราคา Net แล้ว สามารถเลือกกินได้ทั้งหมด 19 เมนู มีไฮไลต์ที่ล่อใจลูกค้าอย่าง ‘เนื้อบริสเก็ตออสเตรเลีย’ แถมถ้ามา 4 คนกุ้งแม่น้ำฟรีแบบไม่อั้นไปเลย
https://www.facebook.com/share/p/1C9wnun7mR/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- MK ประกาศทำ ‘บุฟเฟต์’ อย่างเป็นทางการ หรือนี่เป็น ‘กลยุทธ์หนีตาย’ ที่บีบให้ลงสู่สมรภูมิบุฟเฟต์…
- สุกี้-ชาบู 2.3 หมื่นล้าน ‘สมรภูมิเลือด’ ใครแกร่งคนนั้นรอด? เจาะลึก MK vs. สุกี้ตี๋น้อย-ลัคกี้ สุกี้…
- MK เผยรายได้ปี 2567 อยู่ที่ 15,418 ล้านบาท ลดลง 7.5% ผลจากกำลังซื้ออ่อนตัว-การแข่งขันที่สูง…
แหล่งข่าวที่อยู่ในแวดวงธุรกิจร้านอาหารให้ความเห็นกับ THE STANDARD WEALTH ว่า การออกโปรโมชันดังกล่าวของ MK อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เซอร์ไพรส์มากนักด้วยคู่แข่งที่ดึงลูกค้าไปทุกวัน แถมฐานแฟนก็มีกำลังซื้อที่น้อยลง บีบให้ MK ต้องหาหนทางใหม่เพื่อดึงลูกค้ากลับมาที่ร้าน ‘บุฟเฟต์’ จึงเป็นทางออกเดียวที่ทำได้ในเวลานี้
“ถามว่าราคา 3 ใบแดงมีทอนเป็นราคาที่คุ้มไหม ต้องบอกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีเพราะถ้าแพงกว่านี้กลุ่มลูกค้าที่อ่อนไหวต่อราคาก็อาจจะไม่เข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นราคาก็ยังอาจจะแพงไปสักหน่อย หากลดลงมาได้อยู่ที่ราว 250-270 บาทน่าจะได้ใจกว่านี้” แหล่งข่าวกล่าว “เพราะบุฟเฟต์เป็นเกมที่วัดกันที่วอลุ่ม ดังนั้นราคาต้องป๋าไปเลย ไม่อย่างนั้นวอลุ่มไม่ถึงก็อาจจะไม่คุ้มทุนได้”
ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจได้ว่า ทำไม MK ถึงต้องตั้งราคานี้ เพราะความเป็น ‘ฟูลเซอร์วิสเรสเตอรองต์’ ได้มาพร้อมกับต้นทุนต่างๆ ที่สูงลิ่ว ทั้งค่าเช่าสถานที่ พนักงาน และวัตถุดิบ
แต่บุฟเฟต์เป็นเกมที่วัดกันเรื่อง ‘วอลุ่ม’ ดังนั้นจึงต้องมาลุ้นกันว่าลูกค้าจะตอบรับมากแค่ไหน ซึ่งอาจจะได้ทั้งลูกค้าเก่าที่กลับมากิน รวมถึงลูกค้าใหม่ที่มองว่ามีความคุ้มค่ามากขึ้นก็อาจจะลองเดินเข้าร้านมา เพราะจ่ายเพิ่มไม่กี่บาทจากบรรดาคู่แข่งอื่นๆ ที่ทำบุฟเฟต์เช่นเดียวกัน
เดิมพันที่สะดุด: เสียงสะท้อนเกมเสี่ยงและแผลแรกของยักษ์ใหญ่
ทว่าแหล่งข่าวอีกรายกลับให้ความเห็นกับ THE STANDARD WEALTH ว่า การจัดในระยะเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2568 – 30 มิถุนายน 2568 อาจจะเป็น “ช่วงเวลาที่น้อยไปสักนิด เพราะเมื่อมองแบรนด์ใหญ่อื่นๆ จะจัดราว 4-6 สัปดาห์ที่จะช่วยทำให้ภาพของแคมเปญยิ่งใหญ่และได้ใจคนมากกว่านี้ แต่หากมองว่านี่เป็นการลองตลาดระยะเวลาเท่านี้ก็อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ รวมถึงไม่ทำให้แบกต้นทุนที่มากเกินไป”
แน่นอนเมื่อประกาศออกมากระแสก็มีทั้งบวกและลบ ไม่ว่าจะเป็นการยินดีที่เห็นยักษ์ใหญ่ปรับตัวเพื่อออกมาสู้กับคู่แข่ง แต่เหรียญย่อมมี 2 ด้าน ลูกค้าบางคนก็มองว่าแคมเปญนี้ยังไม่เต็มที่ด้วยเมนูที่มีให้เลือกจำกัดเมื่อเทียบกับเชนสุกี้อื่นๆ ที่ให้รวมแล้วกว่า 40 เมนู แถมยังมีราคาที่ถูกกว่า
กระแสด้านลบยิ่งมีเพิ่มขึ้นเมื่อวันแรกของแคมเปญลูกค้าที่ออกไปกินพบกับความ ‘ไม่ประทับใจอย่างแรง’ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของร้าน พนักงาน รวมไปถึงเมนูที่ควรจะสต็อกไว้เต็มที่กลับหมดก่อนโดยเฉพาะในหมู่เนื้อสัตว์ จนทำให้เย็นวันเดียวกัน ทาง MK ต้องออกมาโพสต์ขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทางทีมงาน MK ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง
สำหรับผู้ที่มาทานโปร MK คุ้มคุ้ม อิ่มไม่อั้น 299.-
แล้วพบกับบริการที่ล่าช้า…Posted by MK Restaurants on Monday, June 9, 2025
https://www.facebook.com/share/p/16euECSAsW/
‘ตี๋น้อย’ สวนหมัดกลับ บทเรียนการตลาดจาก ‘ปลาเล็กที่ทรงพลัง’
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นบทความที่เราได้ยกประโยคอย่าง ‘อย่าเริ่มทำสงครามราคา’ มา เพราะเมื่อ MK ประกาศโปรโมชันนี้ออกมา ทุกคนต่างมองว่านี่คือการเล่นสงครามราคากับ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ น้องเล็ก (ที่ตัวไม่เล็กแล้ว) และนับวันกลายเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ MK ขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยราคาเมื่อรวมน้ำกับ VAT แล้วต่างกันไม่กี่สิบบาท
ดังนั้นในเย็นวันแรกของโปรบุฟเฟต์ MK ทางสุกี้ตี๋น้อยก็ขอออกมาเล่นเกมราคาด้วยการประกาศออกราคา 199 บาท (ยังไม่รวมเครื่องดื่มและภาษีมูลค่าเพิ่ม) ลดลง 20 บาทเมื่อเทียบกับราคาปกติ โดยจัดตั้งแต่วันที่ 11-30 มิ.ย. 68 ซึ่งการออกโปรนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ฉลองยอดติดตามใน Facebook ครบ 1 ล้านผู้ติดตาม
https://www.facebook.com/share/p/1ASERyjJG1/
การออกหมัดสวนในครั้งนี้ของสุกี้ตี๋น้อยถึงกับทำให้แหล่งข่าวในแวดวงร้านอาหารบอกกับ THE STANDARD WEALTH ทำให้ “สุกี้ตี๋น้อยกลายเป็น ‘ปลาเล็กที่ทรงพลัง’ ออกหมัดที่ลีลาดี แยบยลและเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ MK เลยทันที”
ที่บอกว่าลีลาดีกับแยบยลนั้นเป็นเพราะสุกี้ตี๋น้อยเลือกที่จะประกาศล่วงหน้า 2 วันก่อนที่โปรโมชันจะเริ่ม ทำให้ลูกค้ามีโอกาสนัดแนะกันไปกินเป็นกลุ่ม ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มักไปกันหลายคน อีกทั้งการเลือกจัดเฉพาะวันธรรมดาอย่างจันทร์-ศุกร์ ยังเป็นการดึงให้ลูกค้าเข้าร้านในช่วงที่ไม่ใช่ ‘พีคไทม์ (Peak Time)’ อีกด้วย
สำหรับราคาแม้จะลดแค่ 20 บาท แต่แหล่งข่าวก็ให้มุมมองว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจแบบนี้ ผู้บริโภคมักจะมองเรื่องการจ่ายเพื่อความคุ้มค่า จ่ายเพื่อความอิ่ม โดยมองเรื่องของรสชาติเป็นเรื่องรองลงมา ไม่เหมือนกับลูกค้ากลุ่มบนที่จะมองจากรสชาติ
สมรภูมิสุกี้ที่ลุกเป็นไฟครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าแค่การห้ำหั่นกันด้วยโปรโมชันชั่วคราว แต่คือบทพิสูจน์ครั้งสำคัญที่สั่นคลอนความเชื่อเดิมๆ ของผู้เล่นในตลาด การเคลื่อนไหวของ MK ที่ตั้งใจจะทวงบัลลังก์คืน กลับกลายเป็นการเปิดแผลให้เห็นความอุ้ยอ้ายของยักษ์ใหญ่
และในทางกลับกัน ก็ได้ฉายภาพความเก๋าเกมของ ‘ปลาเล็ก’ อย่างสุกี้ตี๋น้อยให้เด่นชัดยิ่งขึ้น คำถามสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะชนะในศึกระยะสั้น แต่อยู่ที่ว่าเมื่อสงครามราคาที่ตัวเองเป็นคนเริ่ม กลับถูกคู่แข่งเป็นผู้กำหนดกติกาและจังหวะของเกม ผู้นำตลาดที่แบกรับทั้งต้นทุนและภาพลักษณ์เดิมๆ จะปรับตัวเพื่อเอาชนะในเกมที่ตัวเองไม่ได้ถนัดนี้ได้อย่างไร
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่น่าจับตามองยิ่งกว่าผลประกอบการในไตรมาสถัดไป คือ ‘คุณค่าของแบรนด์ (Brand Equity)’ ที่ถูกนำมาเป็นเดิมพันในสงครามครั้งนี้ การลงมาเล่นในเกมที่เน้น ‘ความคุ้มค่า’ และ ‘ปริมาณ’ อาจทำให้ MK ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ แต่ก็เสี่ยงที่จะลดทอนภาพลักษณ์พรีเมียมที่สั่งสมมานานลงไปเช่นกัน
นี่จึงเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนภาพใหญ่ของวงการธุรกิจยุคใหม่ ที่ความใหญ่ไม่ได้การันตีชัยชนะเสมอไป แต่เป็นความเร็วในการปรับตัวและความเข้าใจในตัวผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งต่างหาก ที่จะเป็นอาวุธตัดสินว่าใครจะยืนหยัดอยู่ได้ในสนามรบที่เปลี่ยนแปลงทุกวินาที
ภาพปก: Igor Link / Shutterstock