วันนี้ (19 มีนาคม) ที่ศูนย์ประชุม ชั้น 8 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 1/2568 โดยมี โชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ,พนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้ทรงคุณวุฒิ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมทั้งในสถานที่และผ่านระบบออนไลน์
สุดาวรรณเปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาการนำเสนอพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam: The Masterpiece of Krung Rattanakosin) เพื่อบรรจุเข้าสู่บัญชีชั่วคราว (Tentative List) ของมรดกโลก โดยพระปรางค์วัดอรุณถือเป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนาประเภทพระปรางค์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ทั้งยังตรงตามเกณฑ์ของ UNESCO ในข้อที่ 1 และ 2 ซึ่งหมายถึงเป็นผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกที่รับอิทธิพลจากพระปรางค์ศิลปะอยุธยาและพัฒนาเป็นรูปแบบเฉพาะของสมัยรัตนโกสินทร์
หลังจากนี้จะต้องเสนอให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก่อนส่งเอกสารไปยังศูนย์มรดกโลก เพื่อเข้าสู่บัญชีเบื้องต้น ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญเดือนมิถุนายน 2568
สุดาวรรณกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมฯ ได้กำหนดกรอบเวลาการส่งเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ (Nomination Dossier) เนื่องจากการส่งเอกสารในรอบวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 จะเป็นปีสุดท้ายก่อนที่ UNESCO จะปรับเป็นระบบใหม่ที่ต้องมีการประเมินขั้นต้น (Preliminary Assessment) ประกอบกับข้อจำกัดของ UNESCO ที่ให้รัฐภาคีนำเสนอแหล่งมรดกโลกได้เพียงปีละ 1 แหล่ง และจำกัดจำนวนการพิจารณาไว้ไม่เกิน 33 แหล่งต่อปี
ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งมรดกวัฒนธรรมในบัญชีชั่วคราว 4 แหล่ง ได้แก่
- กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด
- อนุสรณ์สถานแหล่งต่างๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา
- พระธาตุพนม กลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง
- สงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา
ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบความคืบหน้าของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้ส่งเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจประเมินโดยสภาการโบราณสถานสากล (ICOMOS) และเตรียมรับการลงพื้นที่ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินศักยภาพการบริหารจัดการแหล่ง ก่อนเสนอพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2569
สุดาวรรณระบุว่า ที่ประชุมฯ ยังได้ติดตามผลการลงพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จากโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงสถานีอยุธยาเมื่อเดือนมกราคม 2568
โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ปรับลดขนาดและความสูงของสถานี รวมถึงเลื่อนตำแหน่งที่ตั้งให้ห่างจากสถานีรถไฟโบราณสถานมากขึ้น เพื่อปกป้องคุณค่าโดดเด่นระดับสากล (OUV) ของแหล่งมรดกโลก กรมศิลปากรจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันแผนอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป