×

7 เหตุผลที่ทำให้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ รักหุ้น Occidental ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจนอาจจะเข้าซื้อกิจการ

20.08.2022
  • LOADING...
วอร์เรน บัฟเฟตต์

เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานข่าวว่า Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงานแห่งสหพันธรัฐ (Federal Energy Regulatory Commission: FERC) ในการเข้าซื้อหุ้น Occidental Petroleum ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันในสัดส่วน 50% หลังจากที่ยื่นคำร้องต่อ FERC ไปเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ บัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก กำลังทุ่มเทเข้าลงทุนในหุ้นบริษัท Occidental Petroleum Corp. อย่างหนัก จนอาจกลายเป็นดีลการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่สุดของ Berkshire Hathaway โดยนักลงทุนในวงการตลาดหุ้นสหรัฐฯ บางคนเชื่อว่า การลงทุนรอบนี้อาจมีต้องใช้เงินมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 


 

และนี่คือเหตุผลที่จะช่วยให้นักลงทุนทั่วไปได้เข้าใจว่าทำไม วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงได้รักหุ้น Occidental มากถึงขั้นเข้าซื้อกิจการ  

 

1. น้ำมันยังเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก 

อัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะเป็นเทรนด์สำคัญในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 และน้ำมันดิบเป็นหนึ่งในการป้องกันความเสี่ยงตามธรรมชาติที่ดีที่สุด การรุกรานยูเครนของรัสเซียและการขาดการลงทุนในแหล่งน้ำมันใหม่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่ออุปทาน ซึ่งนำไปสู่การผลิตที่ซบเซาทุกแห่ง ตั้งแต่ OPEC ไปจนถึงสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน ความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลก็เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการระบาดใหญ่ของโควิด แม้ว่ารัฐบาลต่างๆ จะผลักดันให้เปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดก็ตาม

 

2. คุ้นเคยผู้บริหาร

บัฟเฟตต์ลงทุนใน Occidental ในปี 2019 ซึ่งตอนนั้น Occidental กำลังแข่งขันกับ Chevron Corp. ในการแย่งซื้อ Anadarko โดย วิกกี้ ฮอลลับ ซีอีโอของ Occidental ได้บินไปยัง Omaha เพื่อโน้มน้าวให้บัฟเฟตต์เพิ่มเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้ Occidental ซึ่งก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอจะเขย่าดีลการเข้าซื้อ Anadarko และท้ายสุดแล้ว Chevron ก็ถอยให้ และ Occidental จึงเข้าซื้อ Anadarko สำเร็จ 

 

ในการช่วยเหลือทางการเงินครั้งนั้น บัฟเฟตต์ได้หุ้นบุริมสิทธิที่ให้ผลตอบแทน 8% ต่อปี พร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มที่ 59.62 ดอลลาร์ต่ออัน และหากคำนวณจากราคาหุ้นล่าสุดของ Occidental ที่ 71.29 ดอลลาร์ ใบสำคัญแสดงสิทธิเหล่านี้จะทำกำไรได้มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์หากบัฟเฟตต์ใช้สิทธิ

 

3. มูลค่าหุ้นมหาศาล

ในช่วงแรก การได้มาซึ่ง Anadarko เรียกได้ว่าเป็นหายนะ เนื่องจากทำให้งบดุลของ Occidental มีหนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงก่อนเกิดโควิด โดยมูลค่าตลาดของ Occidental ลดลงจาก 5 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนการทำธุรกรรมในปี 2019 เหลือน้อยกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2020 เนื่องจากราคาน้ำมันตกต่ำ

 

แต่ในทางกลับกัน บัฟเฟตต์ก็ได้เจอหุ้นมูลค่า (Value Play) เข้าเต็มเปา เมื่อราคาน้ำมันดิบพลิกกลับเมื่อปลายปี 2021 และยังมีแรงหนุนจากการที่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครน ซึ่งส่งผลดีต่อ Occidental อย่างมาก สะท้อนจากการที่หุ้น Occidental เป็นหุ้นที่มีผลงานดีสุดใน S&P 500 ในปีนี้ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 140%YTD เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดที่ปรับตัวลดลง 11% 

 

“Oxy เริ่มต้นปีนี้ด้วยหนี้ท่วมหัวจากการมีน้ำมันสำรองจำนวนมาก” บิล สมีด ผู้บริหารจาก Smead Capital Management Inc. ซึ่งมีมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ และเป็นผู้ถือหุ้น 20 อันดับแรกใน Occidental กล่าว และเสริมว่า ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นหมายความว่าตอนนี้พวกเขามีเงินใช้คืนหนี้ และรับกระแสเงินสดที่ไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกในเวลานี้ 

 

4.ช่วยบริหารเงินสดในมือ

เป็นที่รู้กันดีว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Berkshire ถือเงินสดมากเกินไป และถือเป็นความท้าทายในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด โดยกลุ่มบริษัทมีเงินในมือประมาณ 1.05 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 

 

เกรกอรี วอร์เรน จาก Morningstar Research Services LLC คาดการณ์ว่า Berkshire จะสร้างกระแสเงินสดเพิ่มประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปีในตอนนี้ ถือเป็นแรงจูงใจที่ดีในการนำเงินนั้นไปใช้ในการทำงาน

 

โดย Occidental จะทำงานได้ดีกว่าหากเป็นบริษัทในเครือของ Berkshire เมื่อเทียบการเป็นหุ้นที่ Berkshire ลงทุนเท่านั้น 

 

“เนื่องจากความผันผวนที่มีอยู่ในตลาดพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ ดีลนี้อาจจะมีพัฒนาการแบบช้าๆ ไปสู่การเข้าซื้อกิจการของ Occidental ทั้งหมด” วอร์เรนกล่าว

 

5. แหล่งน้ำมันขนาดใหญ่

Occidental ไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดใน Permian Basin ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำอยู่เพียง 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ Occidental จ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate ซื้อขายที่ประมาณ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ขณะที่การซื้อ Anadarko แม้จะเป็นการเข้าซื้อในราคาแพง แต่ Occidental ก็ได้ครอบครองที่ดินในแหล่ง Permian เพิ่มเป็น 2.8 ล้านเอเคอร์ ซึ่งใหญ่เป็น 14 เท่าของขนาด 5 เขตเลือกตั้งของนครนิวยอร์กรวมกัน นอกจากนี้ยังเพิ่มสินทรัพย์ที่กระแสเงินสดคงที่ในอ่าวเม็กซิโกและแอลจีเรียอีกด้วย 

 

6. วิสัยทัศน์ซีอีโอเฉียบ

บัฟเฟตต์มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับ วิกกี้ ฮอลลับ ซึ่งการพบเจอกันของพวกเขาครั้งแรกเกิดขึ้นในงานประชุมปี 2019 ที่โอมาฮา โดยบัฟเฟตต์ยกย่องวิกกี้หลังจากอ่านบันทึกการประชุมเรื่องผลประกอบการของ Occidental ซึ่งวิกกี้ให้คำมั่นว่าจะมีวินัยทางการเงินแม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม

 

“ผมอ่านทุกคำและบอกได้เลยว่าผมเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน วิกกี้บริหารบริษัทอย่างถูกวิธี” บัฟเฟตต์บอกกับ Becky Quick ของ CNBC ในรายการ Squawk Box เมื่อเดือนมีนาคม”

 

7. อานิสงส์จากร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act

อุตสาหกรรมน้ำมันส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายเพื่อปรับลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ที่ประธานาธิบดีโจไบเดนเพิ่งลงนามไปไม่นานอย่างหนักหน่วง 

 

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกันได้วิพากษ์วิจารณ์ไว้ว่า ร่างกฎหมายมูลค่า 437 แสนล้านดอลลาร์นี้เป็นการกีดกันการลงทุนในน้ำมันและก๊าซ และเป็นนโยบายที่ผิดในเวลาที่ผิด

 

ทั้งนี้ ร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act เป็นกฎหมายที่ใช้งบประมาณจำนวน 4.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายในการใช้นโยบายภาษีหลากหลายรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน

 

อย่างไรก็ตาม วิกกี้ ฮอลลับ กลับตอบรับร่างกฎหมายในแง่บวกมากๆ ซึ่งอาจจะตีความได้ว่า วิกกี้มองเห็นโอกาสเกี่ยวข้องการขยายเครดิตภาษีสำหรับการดักจับคาร์บอนซึ่ง Occidental เป็นผู้นำตลาดอยู่ในตอนนี้ โดย Occidental มีแผนที่จะสร้างโรงงานดักจับมลพิษทางอากาศโดยตรงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะให้เครดิตภาษีสูงถึง 180 ดอลลาร์ต่อตันคาร์บอนที่ดูดมลพิษออกจากอากาศ

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

​​

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising