×

ยึด Mindset แบบปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เดินหน้าลุยตลาดหมี ฝ่าวิกฤต พิชิตลงทุน

10.06.2022
  • LOADING...
Warren Buffett

การลงทุนในช่วงปี 2022 อาจจะยากลำบากสักหน่อย เพราะฟ้าฝนทางเศรษฐกิจไม่เป็นใจเอาซะเลยครับ แม้ว่าหลายๆ บริษัททำกำไรเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง แต่ราคาหุ้นก็ยังลงต่อไปอีก ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง NASDAQ และ S&P 500 ปรับเข้าสู่โหมด ‘ภาวะตลาดหมีเซื่องซึม’ หรือ Bear Market กันไปแล้ว หลังตกจากจุดสูงสุดมาเกิน -20% แถมยังพร้อมจะทำสถิติที่ไม่น่าจดจำอีกหลายๆ อย่าง

 

ผมเข้าใจความรู้สึกกังวลใจและหวาดหวั่นของนักลงทุน ในเวลาที่เห็นพอร์ตติดลบแบบสะท้านหัวใจกันทีเดียว โดยเฉพาะใครที่เพิ่งเริ่มลงทุนในช่วงนี้ อาจจะรู้สึกโชคร้าย เพราะโดนความผันผวนจากตลาดหุ้นรับน้องติดต่อกันมาหลายเดือน หรือใครที่ลงทุนมานานจนรู้สึกเหนื่อยใจกับการลงทุนในช่วงนี้ เพราะข่าวร้ายประดังเข้ามาติดต่อกันจนรับมือกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ทำไมพายุลูกนี้เพิ่งซาลงก็มีพายุลูกใหม่ถล่มเข้ามาไม่จบสิ้นเสียที

 

แม้ว่าทุกคนจะเข้าใจและยอมรับกันว่าความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นเป็นเรื่องธรรมชาติของการลงทุนก็ตาม แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อเวลาแย่ๆ นั้นมาถึง ทุกคนก็จะรู้สึกว่าอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่จะทำให้การลงทุนเป็นเรื่องยากและทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ คือภาวะจิตใจของนักลงทุนนั่นเอง

 

แล้วพวกเราควรจะต้องทำอย่างไรให้หัวใจสตรอง อารมณ์ไม่หวั่นไหวง่ายๆ ไปกับกระแสร้อนรุมเร้าดี! จะต้องคิดวิธีรับมืออย่างไรให้รอดมรสุมพายุทั้งหลายนี้ไปได้บ้าง? เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามอื้ออึงในหัวใจนักลงทุนกันทั้งนั้น

 

ยึด Mindset กับวิถีลงทุนสไตล์ปู่บัฟเฟตต์ฝ่าวิกฤต

ผมจึงขอถือโอกาสนี้ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการยึด Mindset ที่ดีในชีวิตการลงทุนของปู่ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ นักลงทุนระดับตำนานของโลกวัย 91 ปี ที่ยังคงแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ซึ่งจะช่วยเติมความเข้าใจในวิธีคิดและการรับมือให้กับนักลงทุนระยะยาว ในเวลาที่เห็นมูลค่าพอร์ตลงทุนลดลง จะปรับตัวปรับใจอย่างไรเพื่อเดินต่อไปข้างหน้า ฝ่าวิกฤตและพิชิตการลงทุนได้

 

ผมอยากเล่าให้ฟังเรื่องแรก คือ คุณเชื่อหรือไม่ว่าเส้นทางลงทุนระดับเซียนหุ้นวอลล์สตรีทวัยเก๋าอย่าง ‘ปู่บัฟเฟตต์’ ก็เคยผ่านบทเรียนการลงทุนที่ผิดพลาดมาหลายครั้ง ไม่ต่างกับนักลงทุนทั่วๆ ไป 

 

ปู่บัฟเฟตต์เคยบอกว่า ดีลที่เจ็บหนักที่สุดก็คือการซื้อหุ้น Dexter Shoe ในปี 1993 ซึ่งทำธุรกิจผลิตรองเท้าเจ้าตลาดในสหรัฐฯ หลังจากที่ปู่เคยได้กำไรจากการลงทุนใน H.H. Brown บริษัทผู้ผลิตรองเท้าอีกเจ้ามาหมาดๆ จึงมั่นใจลงทุนอีก ด้วยการนำหุ้นของบริษัท ‘Berkshire Hathaway’ สัดส่วน 1.6% ไปแลกหุ้นของ Dexter Shoe มูลค่าตอนนั้นราวๆ 433 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เกิดสถานการณ์พลิกผัน เมื่อมีบริษัทนำเข้ารองเท้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด ทำให้ Dexter Shoe ได้รับผลกระทบเต็มๆ และราคาหุ้นตกลงเรื่อยๆ ตามผลประกอบการ ทำให้ปู่ขาดทุนยับเยินชนิดที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อเทียบกับหุ้น Berkshire Hathaway ที่มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันหุ้น Berkshire Hathaway สัดส่วน 1.6% จะมีมูลค่าคร่าวๆ ก็ 11,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามราคาตลาด และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตด้วย ถือเป็น ‘การขาดทุนแบบทบต้น’ ครับ 

 

ปู่บัฟเฟตต์บอกว่า “การซื้อ Dexter Shoe เป็นการลงทุนที่แย่ที่สุดในชีวิตผม” และก็ยังมีหุ้นที่ปู่พลาดทำขาดทุนอีกเยอะนับไม่ถ้วน หุ้นดังๆ ก็เช่น IBM, USAir, Salomon Brothers, Tesco หรือหุ้นพลังงานอย่าง ConocoPhillips และ Energy Future Holdings ส่วนดีลขายหมูหรือตกรถก็มีเหมือนกัน เช่น การไม่ยอมซื้อหุ้น Google ทั้งที่บริษัทลูกใช้บริการ Google Ads ประจำ, การซื้อหุ้น Amazon ช้าไป และล่าสุด การขายหุ้น Apple บางส่วนออกไปในปี 2017 

 

แม้ปู่บัฟเฟตต์เคยลงทุนผิดพลาดจนขาดทุน แต่ปู่ก็เลือกเรียนรู้และกลั่นกรองจากความผิดพลาดบนถนนสายลงทุนที่ยาวนาน และตกผลึกเป็นหลักการลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investing) สาย VI (หุ้นคุณค่า) ที่ตัวเองเชื่อมั่นจนประสบความสำเร็จในการลงทุนในวันนี้ สะท้อนจากพอร์ตลงทุนใน Berkshire Hathaway ที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นของโลก ล่าสุดมูลค่าอยู่ที่ 347,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2022)

 

แน่นอนว่าในโลกแห่งการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา การเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งวิกฤตต่างๆ, ภาวะเศรษฐกิจ, ตลาดหุ้น, อารมณ์ของนักลงทุน และพื้นฐานหุ้นของบริษัทมีอาการแย่ลง แต่ทำไมพอร์ตของปู่ถึงได้เติบโตเอาๆ รวมถึงนักลงทุนบางส่วนที่สร้างพอร์ตจนมีสินทรัพย์ได้เป็นหลักหมื่นหลักแสนล้าน หรือหลักล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วเหตุใดคุณไม่ได้ทำแบบนั้น

 

วิถีนักลงทุนของปู่บัฟเฟตต์ประสบความสำเร็จในการลงทุนมาเป็นเวลายาวนาน นั่นไม่ได้อยู่ที่เพียงการลงมือทำเพียงอย่างเดียว แต่ปู่ยังมี Mindset หรือมุมมองและวิธีคิดในการลงทุนที่ผมอยากจะขอหยิบยกมาเป็นข้อคิดให้นักลงทุนใช้ฝ่าฟันวิกฤตตลาดหมีกันครับ

 

  • ถ้าหลักการลงทุนถูกต้อง สินทรัพย์มีคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม ลงทุนระยะยาวและมีอนาคต ต่อให้พอร์ตคุณต้องเผชิญความไม่แน่นอนสักกี่ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนระยะสั้นๆ หรือวิกฤตยาวๆ พอร์ตลงทุนที่ดีจะผ่านไปได้อย่างแข็งแกร่ง ปู่บัฟเฟตต์เปรียบว่า สิ่งสำคัญในการเล่นเบสบอลไม่ได้อยู่ที่คะแนน แต่อยู่ที่ว่าเขาเล่นกันอย่างไร ถ้าทีมไหนเล่นบนสนามได้ดี สุดท้ายจะชนะเอง การจ้องคะแนนอยู่ตลอดไม่ได้ช่วยอะไร จึงควรโฟกัส ‘สิ่งที่ควบคุมได้’ นั่นคือหลักการลงทุนที่ดีนั่นเอง

 

  • ‘ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ คุณก็จะไม่สามารถควบคุมการลงทุนของตัวเองได้เช่นกัน’ เพราะแม้การลงทุนเป็นเรื่องของหลักการและเหตุผล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินใจซื้อหรือขายด้วยอารมณ์ความรู้สึก จึงมักไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจ ดังนั้นด้วยหลักการลงทุนในกิจการที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมแล้ว ยังจะต้องมีอีกสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘การควบคุมอารมณ์’ หรืออยู่นิ่งๆ สงบๆ ตั้งสติทบทวนดูว่า สิ่งที่ลงทุนอยู่นั้น ยังอยู่ในหลักการลงทุนที่ถูกต้องหรือไม่ หากถูกต้อง คุณก็สบายใจได้ เพียงอดทนและรอเวลาฝ่าความผันผวนไปได้

 

  • ถ้าคุณไม่กล้าที่จะก้าวพลาด คุณจะไม่มีวันตัดสินใจได้ดี ปู่มองว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา การผิดพลาดครั้งเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าจะผิดพลาดตลอด หากคุณกลัวความผิดพลาดมากไปจนกลายเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ สิ่งนี้ต่างหากที่น่ากลัว เพราะการไม่ตัดสินใจ คือการตัดสินใจที่แย่ที่สุด และไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่เคยผิดพลาด

 

  • ‘เวลาน้ำลง จะทำให้เรารู้ว่าใครที่แก้ผ้าเปลือยกายว่ายน้ำอยู่’ หมายถึง ยามเศรษฐกิจรุ่งเรือง แม้แต่ธุรกิจที่แย่ๆ ก็สามารถทำกำไรได้ แต่เมื่อเศรษฐกิจขาลง คุณจะเห็นว่าธุรกิจไหนที่แข็งแรง มั่นคง ธุรกิจไหนที่แย่และอ่อนแอ

 

  • ‘เราสามารถวัดความแข็งแกร่งของกิจการได้ โดยดูที่ความยากลำบากในการปรับขึ้นราคาสินค้าแต่ละครั้ง’ โดยเฉพาะในช่วงภาวะเงินเฟ้อ กิจการที่แข็งแกร่งจะมีอำนาจต่อรองเหนือลูกค้าด้วย แม้ว่าปรับขึ้นราคาสินค้าแล้วลูกค้ายังยอมซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น นี่คือกิจการที่ดี มีคุณภาพ

 

  • ‘ราคา คือสิ่งที่คุณจ่าย คุณค่า คือสิ่งที่คุณได้รับ’ เวลาที่คุณใช้เงินซื้อ จงตระหนักว่าสิ่งที่ได้รับคืออะไรและมีคุณค่าหรือมูลค่าเท่าไร เมื่อคุณวัดมูลค่าที่จะได้รับแล้ว จึงค่อยกลับไปดูว่าสิ่งนั้นควรมีราคาเท่าไร? ขณะที่สิ่งที่คนส่วนใหญ่จ่ายไป ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอด้วย

 

  • ‘การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนในตัวคุณเอง’ ปู่ย้ำเสมอว่า จงลงทุนในความรู้ จงลงทุนในสุขภาพของคุณ เพราะจะไม่มีใครแย่งมันไปจากคุณได้แน่นอน และเป็นการลงทุนที่ยิ่งลงทุนยิ่งเติบโต ยิ่งดีขึ้น และเป็นการลงทุนที่ดีกว่าลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ เพราะตัวคุณเองคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด

 

  • ‘ความไม่แน่นอน คือเพื่อนแท้ของนักลงทุนระยะยาว’ ซึ่ง Mindset นี้ ทำให้ปู่มักทำกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้ จากความไม่แน่นอนของตลาด เพราะคนมักกลัวความไม่แน่นอน แต่มองกลับอีกมุมหนึ่ง เมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนที่ฉลาดสามารถหาโอกาสทำกำไรในช่วงที่ตลาดไร้เหตุผลได้ เพราะถ้าทุกอย่างคือความแน่นอนแล้ว ราคาในตลาดเวลานั้นก็คือราคาที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงแล้ว ซึ่งคงไม่มีใครทำกำไรได้

 

  • ‘จงกล้าเมื่อทุกคนคนกลัว จงกลัวในยามที่ทุกคนโลภ’ ปู่มองว่า ช่วงเวลาการซื้อหุ้นที่ดีที่สุด คือช่วงที่ทุกคนกำลังเทขาย ซึ่งจะเป็นช่วงที่ทำให้ได้ราคาถูกที่สุด ในทางกลับกัน ช่วงเวลาการขายหุ้นที่ดีที่สุด คือช่วงที่ทุกคนกำลังแห่เข้ามาซื้อกัน ทำให้ราคาขึ้นไปรวดเร็วจนกลายเป็นราคาที่แพงที่สุด อีกสิ่งที่ปู่ย้ำ ‘การเป็นนักลงทุนที่ดี นอกจากการเข้าใจพื้นฐานกิจการแล้ว คุณต้องรู้จักอดทนรอเวลาที่เหมาะสมสำหรับการซื้อหรือขายด้วย’

 

  • ‘แม้คุณมีความรู้สึกกับหุ้น แต่หุ้นไม่มีความรู้สึกกับคุณ’ เพราะนอกจากเรื่องใช้อารมณ์แล้ว อีกสิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ หุ้นไม่เคยมีความรู้สึกอะไรเลย เวลาคุณซื้อมันมาเท่าไร หรืออยากถือยาวๆ แค่ไหน ด้วยความรู้สึกชอบมันหรืออะไรก็ตาม เมื่อเกิดกำไรหรือขาดทุนก็จะต้องตัดสินใจอยู่บนหลักพื้นฐานที่ถูกต้อง ซึ่งไม่ควรเกี่ยวกับความรู้สึกหรือความคิดเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆ

 

จาก Mindset ของปู่บัฟเฟตต์ ทำให้ตลอดชีวิตการลงทุนนานกว่าครึ่งศตวรรษ สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ +20.1% ต่อปี เอาชนะผลตอบแทนจากดัชนี S&P 500 ที่ +10.5% ต่อปี ชนิดที่เรียกว่าขาดลอย สิ่งนี้เองที่ทำให้ปู่เป็นตำนานการลงทุนที่ยังมีลมหายใจอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

ปรับ Mindset ใช้กลยุทธ์ DCA ลุยตลาดหมี

จาก Mindset และหลักการลงทุนฉบับ VI ของปู่บัฟเฟตต์คือ ที่มาของแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้นที่ Jitta ได้นำหลักการลงทุนของปู่บัฟเฟตต์มาเป็นรากฐานในการพัฒนา AI และอัลกอริทึมมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงต่อยอดการออกแบบพอร์ตลงทุน Jitta Ranking ที่ลงทุนได้ผ่าน Jitta Wealth

 

การลงทุนระยะยาว คุณจะต้องพบกับความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจหรือวิกฤตต่างๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นที่จะปรับตัวขึ้น-ลงอยู่เสมอ และไม่มีใครคาดเหตุการณ์ต่างๆ ได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่าคุณกำลังลงทุนในหุ้นบริษัทคุณภาพดี ที่มีความสามารถในการทำกำไรและเพิ่มรายได้ในอนาคต

 

ยิ่งในภาวะตลาดหมีเวลานี้ การใช้กลยุทธ์ที่เรียบง่ายอย่าง DCA (Dollar Cost Averaging) เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนสินทรัพย์ จะช่วยลดการขาดทุนในพอร์ต และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับคุณได้ในอนาคต

 

สำหรับมุมมองของผมแล้ว การยึด Mindset ของปู่บัฟเฟตต์เป็นแนวทางในการลงทุนช่วงตลาดหมีที่หลายๆ คนกลัว แต่นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่คุณจะตัดสินใจลงทุนก็ได้ ยิ่งตลาดขึ้นๆ ลงๆ ตามเศรษฐกิจและอารมณ์ของนักลงทุนในช่วงเวลานั้น หากคุณมีความโลภ หุ้นก็จะขึ้น หากคุณมีความกลัว หุ้นก็จะลง

 

ตามสถิติได้บอกว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปี ตลาดหุ้นจะขึ้นในช่วง 6-7 ปี และลงในช่วง 3-4 ปี เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรจะกลัวตลาดที่ปรับตัวลงจนมากเกินไป และหากเลือกลงทุนในระยะยาว แน่นอนว่าคุณจะพบกับตลาดหุ้นที่ขึ้นมากกว่าลง

 

เมื่อคุณรู้และเข้าใจข้อมูลตรงนี้ คุณจะเริ่มมีความกล้าในการลงทุนมากยิ่งขึ้น และอดทนถือหุ้นจนผ่านพ้นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นผันผวนไปได้ และสุดท้ายคุณจะมีวิธีเอากำไรกลับคืนมาในช่วงตลาดขาขึ้น และหากแนวทางการลงทุนของคุณถูกต้อง คุณจะสร้างกำไรได้เอง 

 

หากคุณอยากลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ลองปรับ Mindset ไปกับข้อคิดเด็ดๆ จากนักลงทุนในตำนาน ‘Wall Street’ แล้วคุณจะเข้าใจว่า ลงทุนระยะยาวผ่านสินทรัพย์ที่ดีและได้กำไรที่ดี…มีอยู่จริง ผมขอส่งกำลังใจให้กับนักลงทุนทุกท่านเป็นผู้ลงทุนที่แข็งแกร่งในปฐพีนะครับ 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising