×

‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ สุดฮอต ราคาประมูลร่วมโต๊ะอาหารพุ่งแตะ 19 ล้านดอลลาร์ หรือราว 640 ล้านบาท

20.06.2022
  • LOADING...
วอร์เรน บัฟเฟตต์

สำนักข่าว AP รายงานว่า การประมูลโต๊ะอาหารการกุศลเพื่อร่วมรับประทานอาหารกับวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม และมีผู้สนใจเสนอราคาประมูลที่มูลค่ามากกว่า 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 640 ล้านบาท นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ยืนยันความฮอตของบัฟเฟตต์ได้เป็นอย่างดี

 

สำหรับโต๊ะอาหารการกุศลนี้เป็นงานรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับบับเฟตต์ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 21 และถือเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับคุณปู่มหาเศรษฐีนักลงทุนในวัย 91 ปี

 

รายงานระบุว่าราคาประมูลซึ่งเสร็จสิ้นในช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 มิถุนายน) ทำสถิติสูงสุดรอบใหม่ โดยสูงเกินกว่าสถิติสูงสุดครั้งก่อนที่ จัสติน ซัน นักธุรกิจด้านคริปโตเคอร์เรนซีชาวจีนทำไว้ที่ 4.57 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2019 ซี่งผู้ชนะประมูลในปีนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อออกมา

 

รายได้ทั้งหมดจากการประมูลจะมอบให้กับมูลนิธิ Glide องค์การการกุศลในซานฟรานซิสโก ที่มุ่งให้ความช่วยเหลือคนยากจน คนเร่ร่อน และผู้ติดยาเสพติด ด้วยการมอบอาหาร ที่พัก จัดฝึกอบรมทักษะ การตรวจการติดเชื้อเอชไอวีและไวรัสตับอักเสบ ตลอดจนโครงการสำหรับเด็กๆ

 

ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์ในการมองทิศทางเศรษฐกิจได้ค่อนข้างไกลและแม่นยำแล้ว ปู่บัฟเฟตต์ยังได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีใจบุญที่ไม่เคยพลาดโอกาสในการเข้าร่วมงานการกุศลหรือบริจาคเงินช่วยเหลือต่างๆ โดยที่ผ่านมาซีอีโอของ Berkshire Hathaway สามารถระดุมเงินให้กับมูลนิธิ Glide ได้มากกว่า 53.2 ล้านดอลลาร์ในการประมูล 21 ครั้ง ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2000

 

ขณะที่โฆษก eBay ที่ทำหน้าที่จัดการประมูลครั้งนี้ระบุว่า มื้ออาหารกลางวันเพื่อการกุศลครั้งนี้นับเป็นครั้งที่แพงที่สุดที่บริษัทประมูลขายได้ผ่านเว็บไซต์ของบริษัท

 

วันเดียวกันทางเว็บไซต์ Yahoo Finance เปิดเผยกลยุทธ์การลงทุนที่บัฟเฟต์ระบุว่าเป็นหนึ่งในวิธีการใช้เงินลงทุนอย่างชาญฉลาด นั่นคือการซื้อคืน หรือ Buyback โดยบัฟเฟตต์มักจะบอกกับนักลงทุนของ Berkshire เสมอว่า เมื่อใดก็ตามที่หุ้นสามารถซื้อได้ต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจ เมื่อนั้นการซื้อคืนก็อาจเป็นวิธีการใช้เงินสดได้ดีที่สุด และการซื้อหุ้นคืนถือได้ว่าเป็น ‘เงินปันผลที่ซ่อนอยู่’

 

รายงานอธิบายว่า โปรแกรมซื้อหุ้นคืนนอกจากจะลดจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว ยังทำให้หุ้นที่เหลืออยู่ในตลาดมีค่ามากขึ้น อีกทั้งยังหมายความว่ารายได้ประจำปีของบริษัทจะเป็นของนักลงทุนกลุ่มเล็กๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้นการซื้อหุ้นคืนยังมีข้อดีอื่นๆ อีก เช่น มีผลทางภาษีมากกว่าเงินปันผล เพราะผู้ถือหุ้นได้รับมูลค่าโดยไม่ต้องรับเงินสด และโครงการซื้อหุ้นคืนเหล่านี้ยังเป็นการส่งสัญญาณของความมั่นใจจากทีมผู้บริหารของบริษัทอีกด้วย

 

ทั้งนี้ โปรแกรมเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในปี 2021 บริษัท S&P 500 รวมกันใช้เงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการซื้อหุ้นคืน ส่งผลให้จำนวนหุ้นรวมของตลาดหุ้นลดลง 4% และทำให้การซื้อคืนอาจรุนแรงพอๆ กับปีนี้เมื่อหุ้นราคาถูกลง

 

สำหรับการซื้อหุ้นคืนที่โดดเด่นในปีนี้มีของ Apple, ExxonMobil และ Union Pacific

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising