×

ว่าน ธนกฤต ความสุขในวัย 35 ปี และการสร้าง ‘ระบบนิเวศ’ แห่งความสบายใจให้กับทุกคน

15.08.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 mins. read
  • ว่าน ธนกฤต คือผู้ชายวัย 35 ปี ที่ให้คะแนนความสุขชีวิตตัวเองในรอบหลายปีที่ผ่านมาไว้ที่ 10 เต็ม 10 คะแนน
  • ว่านจัดกลุ่มการทำงานหลายบทบาทของตัวเองในตอนนี้ไว้แค่สองอย่างคือ งานออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้สามารถเรียงลำดับความสำคัญได้ถูกต้อง
  • ว่านชอบบทบาทในการเป็น Mood Setter ที่ช่วยคลี่คลายและสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับคนอื่นมากที่สุด
  • ว่านเชื่อว่าความสบายของคนวัยเกษียณมาพร้อมกับความเบื่อ ลูกๆ ยุคใหม่ควรให้พ่อแม่ทำงาน แต่อยู่บนพื้นฐานที่เราเป็นคนดูแลว่าลำบากได้แค่ไหน
  • สิ่งที่ว่านอยากขอพรในวันเกิดครบรอบ 35 ปีคือ ขอให้ทุกอย่างเป็นปกติตามที่ควรจะเป็น

“ยินดีครับ”, “ได้เลยครับ” และ “ผมพร้อมตลอดเวลาครับ” 

 

คือตัวอย่างคำพูดที่เราได้ยินอยู่ประจำทุกครั้งที่ได้ร่วมงานกับ ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์ ศิลปินอารมณ์ดีที่เพิ่งมีอายุครบ 35 ปีไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา 

 

นอกจากการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เราสัมผัสได้อยู่เสมอว่าบรรยากาศในการทำงานที่ผ่อนคลายขึ้นทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้ปรากฏตัว ตั้งแต่ทักทาย ถ่ายรูป ไปจนถึงการนั่งสัมภาษณ์อย่างจริงจัง 

 

สิ่งที่ THE STANDARD POP ค้นพบจากบทสนทนาในครั้งนี้ ถ้าไม่นับรอยคล้ำที่บ่งบอกถึงการพักผ่อนน้อยจากการทำงาน (และเล่นเกมจนดึก) ริ้วรอยแห่งประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นปลายหางตา ว่านยังเป็น ‘ว่าน’ คนเดิมที่เราเคยรู้จัก และรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้พูดคุย 

 

และไม่ใช่แค่บรรยากาศที่เกิดขึ้นจากการทำงาน เรายังเห็นถึงความพยายามในการสร้าง ‘ระบบนิเวศ’ แห่งความสบายใจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ภายในตัวเขา ขยายออกไปยังครอบครัว คนรัก และเพื่อนๆ ในแก๊ง ที่รวมตัวสร้างสายสัมพันธ์ ถ่ายทอดออกมาผ่านผลงานเพลง คอนเทนต์ และรายการต่างๆ มากมาย เพื่อส่งมอบ ‘ความสุข’ กลับไปให้กับทุกคน

 

หลังจากเพิ่งผ่านอายุ 35 ปีมาหมาดๆ คิดว่า ว่าน ธนกฤต เป็นผู้ชายที่มีความสุขในชีวิตมากขนาดไหน

ถ้าเต็ม 10 ผมให้เต็ม 10 นะ อย่างช่วงล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ลองปรับโหมดว่าทำอย่างไรให้เรายังเอ็นจอยได้ในช่วงที่ไม่มีงานทำ ได้เริ่มนั่งคิดงานที่บ้าน จากที่สร้างบ้านมาเป็นปี ผมไม่เคยใช้คุ้มเลย แล้วก็ได้ทำงานอะไรไม่รู้บ้าบอไปหมด

 

ได้จัดห้องที่เคยอีเหละเขละขละให้เป็นห้องทำงานจริงๆ ผมเป็นพวกชอบซื้ออุปกรณ์ คนที่เคยไปบ้านผมจะรู้ว่ามีของเกินกว่างาน วางของไว้เต็มไปหมด ตอนนี้เอาทุกอย่างใส่ไว้ในตู้ อยากทำอะไรค่อยหยิบมาเท่าที่จำเป็น เช่น วันนี้จะแต่งเนื้อเพลง ก็เอามาแค่สมุดกับโน้ตบุ๊ก ไม่เอาลำโพงมาวางเยอะๆ วันไหนจัดรายการไลฟ์ ค่อยเอาไฟมาวาง วันไหนอยากเป็นเกมเมอร์ ก็เอาเกมมาตั้งเล่นกับพี่ป๊อบ (ปองกูล สืบซึ้ง) เล่นกับโอ๊ต (ปราโมทย์ ปาทาน) เล่นเสร็จก็เก็บ

 

ใน 10 คะแนนเต็มของความสุข ประกอบด้วยอะไรบ้าง

แต่ละวันแตกต่างกันไปครับ แต่จะหาแต้มมาเพิ่มให้ตัวเองตลอด เช่น เวลาอยู่กับแม่ พาไปกินข้าว ทำธุรกรรมทางการเงิน แม่กับครอบครัวเหมือนเป็นคะแนนจิตพิสัยที่ได้เยอะมาก ผมจะพยายามทดเอาไว้ก่อน แล้วไปบวกกับเรื่องงานที่เมื่อก่อนเต็ม 10 ต้องเป็นเรื่องงานล้วนๆ คราวนี้ก็เอานิดหน่อยพอ แล้วไปบวกกับคะแนนที่บ้าน ผสมๆ กันจนเต็ม 10 ได้ไม่ยาก

 

มีเรื่องไหนบ้างที่จะมาเป็นแต้มลบทำให้ความสุขน้อยลงไปได้ 

ไม่ค่อยมี เพราะผมจะพยายามดีลให้ได้ก่อน เช่น เมื่อวานหงุดหงิดเรื่องต่อรองอะไรบางอย่างกับแม่และหมา ขอคุยก่อนว่ามีวิธีให้มีความสุขไปด้วยกันได้โดยไม่ต้องลบคะแนนความสุขเราได้ไหม อาจจะเสียเวลาเจรจานิดหน่อย 30-40 นาที แต่ทำให้คะแนนไม่ตก ไม่งอนกัน ตื่นเช้ามาแม่ยังทำกับข้าวให้กินเหมือนเดิม

 

เท่าที่ทำมา การเจรจาได้ผลเสมอนะครับ กับที่ทำงานก็เหมือนกัน ผมว่ายิ่งโตยิ่งต้องเจรจา เวลาอ้ำอึ้งไม่พูดกันมักได้งานที่ไม่ดี หรือปล่อยให้เขาคิดกันมา แล้วเราไปบ่นทีหลังว่าไม่ชอบ แบบนี้ก็ไม่ถูก

 

มีเรื่องอะไรบ้างไหมที่รู้สึกว่าไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ด้วยจริงๆ

เรื่องงี่เง่าของตัวเองครับ รู้สึกว่าดีลกับตัวเองยากกว่าคนอื่น เพราะคิดว่าถ้าจะมีใครที่เราเรื่องมากใส่ได้มากที่สุดในโลกคนหนึ่ง ผมขอให้เป็นตัวเองก่อนเลย กูจะงี่เง่ากับตัวเองให้สนุกพอก่อน ผมไม่ถนัดการประชุมแบบเริ่มจากศูนย์แล้วค่อยๆ สร้างงานไปพร้อมๆ กัน เพราะมันจะช้ามาก เลยขอวุ่นวายกับตัวเองให้สุดก่อน พอชอบแล้วก็ส่งให้ทีมไปทำต่อ 

 

 

เรื่องการทำเพลงถือว่ายังงี่เง่ากับตัวเองอยู่มากขนาดไหน

เยอะครับ เหมือนกลับไปเป็นศิลปินอินดี้หน้าใหม่ ที่ถ้าชอบก็ทำต่อ ไม่ชอบก็พัก เดี๋ยวก็เอามารื้อๆ ฟังอีกทีหนึ่ง แก้ใหม่ แล้วก็อัด แล้วก็แก้ โชคดีว่ากระบวนการทุกอย่างเริ่มจากโต๊ะทำงานจะง่ายหน่อยในการแก้งานของตัวเอง

 

ต้องขอบคุณค่าย SpicyDisc ด้วยนะครับที่ต้องใช้คำนี้เลยว่า เขาอนุโลมในสิ่งต่างๆ ให้ผมเยอะมาก กระบวนการโต๊ะตรวจเดโมแทบเป็นศูนย์ครั้งเลย เพราะตรวจแล้วไม่ถูกใจ มันจะไม่ถูกใจกันตั้งแต่วันนั้นเลย แล้วก่อนทำเพลงเสร็จต้องมาทะเลาะในเรื่องเพลงที่เขาไม่ชอบไปอีก 5 ครั้ง ของผมเลยเป็นทรงส่งมาสเตอร์ทีเดียว แล้วพี่เอาเลยนะ เพราะผมทะเลาะกับตัวเองมาแล้ว พี่ว่าดีไหม ไม่ดีใช่ไหม แต่ผมมีให้แค่นี้ (หัวเราะ)

 

ทางค่ายเขาต้องดูแลศิลปินเยอะใช่ไหมครับ ถ้าเขาต้องตรวจเพลงศิลปิน 20 เบอร์ อาจารย์ตรวจ 19 เบอร์ไปเลยครับ ให้ผมเป็นนักเรียนภาคค่ำก็ได้ เป็นนักเรียนคนสุดท้ายก็ได้ อาจเป็นนักเรียนที่เกเรหน่อย แต่ผมตั้งใจทำมาก่อนแล้วจริงๆ

 

เพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ช่วงชีวิตนี้ของผมจะทำได้ แล้วที่ออกไปก็มีทั้งทรงๆ ตัว ติดลบบ้าง บวกบ้าง แต่ผลประกอบการยังโอเค เลยใช้วิธีนี้ดีกว่า จะได้ไม่ทดท้อต่อการทำงาน 

 

มีวิธีแบ่งพาร์ตการทำงานของตัวเองอย่างไร ในฐานะที่คุณเป็นหนึ่งในคนที่มีหลายบทบาทให้ทำมากๆ ในตอนนี้

ในปี 2020 ถ้าแบ่งแบบไม่แยกอาชีพ ผมจะแบ่งแค่จักรวาลออนไลน์กับออฟไลน์ไปเลย เพราะทำให้ผมเข้าใจง่ายขึ้นว่าควรให้ความสำคัญกับตรงไหนก่อนหลัง เช่น ทำเพลงผมก็คิดว่าเป็นออนไลน์นะ เพราะก่อนฟิสิคัลซีดีออก เราต้องปล่อยในสตรีมมิงต่างๆ มีมิวสิกวิดีโอใน YouTube แล้วพอถึงเวลาออกไปเล่นคอนเสิร์ต ค่อยไปสนใจตรงนั้นว่าจะวางรูปแบบการโชว์เพลงใหม่นี้อย่างไรให้ประกอบร่างกับโชว์เดิมแบบไม่เขิน

 

ตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ จากเพลงล่าสุด ยิ่งใกล้ยิ่งไม่รู้จัก คุณมีวิธีคิดในการทำเพลงที่อยู่ในหมวดงานออนไลน์แตกต่างจากเดิมอย่างไรบ้าง

เริ่มจากการเขียนเพลงที่ผมรู้ว่าคนฟังเปลี่ยน Gen แล้วแน่ๆ ทุกคนลืม ระยะปลอดภัย ลืม อยู่บำรุง ไปหมดแล้ว ผมคิดว่าถ้าเป็นนักร้อง เป็นนักเขียนเพลงอายุ 35 ขวบ เราอยากให้น้องๆ ได้ฟังว่าเราโตมากับเพลงนี้ ใช้วิธีเขียนแบบที่เราเคยชอบ แบบที่อาจารย์เคยสอนว่ายิ่งสัมผัสเยอะ ยิ่งจำง่าย เดาได้เลยว่าบรรทัดถัดไปน่าจะเขียนว่าอะไร 

 

พยายามเอาความเชยที่สุดมาไว้ในออนไลน์ ให้คนรุ่นใหม่ได้ฟังเพลงแบบเดิมๆ บ้าง เรื่องราวไม่สลับซับซ้อนอะไร คนชอบถามผมว่ามีอะไรใหม่ไหม ผมจะตอบว่าไม่มี ความรักมันจะอบอวลอยู่ประมาณนี้ มิวสิกวิดีโอมีอะไรไหม ก็ไม่มี คนเราเลิกกันบนรถมาไม่รู้กี่ล้านคู่แล้ว 

 

และคิดขึ้นมาว่าถ้าโลกหมุนเร็ว ถ้าอย่างนั้นเราหมุนช้าหน่อย เพื่อเอาความช้า ความเชยไปไว้บนโลกออนไลน์ให้ได้ เผื่อเกิดความใหม่อะไรบางอย่าง กลายเป็นน้องๆ ในทวิตเตอร์บอกว่าชอบมาก โดนชีวิตหนูเลย ผมยังงงว่ามึงเลิกกันบนรถตั้งแต่อายุเท่าไรกัน (หัวเราะ) 

 

มิวสิกวิดีโอเพลง ยิ่งใกล้ยิ่งไม่รู้จัก

 

คุณพูดคำว่าคนลืมเพลง ระยะปลอดภัย ลืมเพลง อยู่บำรุง ไปแล้วด้วยความรู้สึกแบบไหน สำหรับเราดูเป็นคำที่เศร้าสำหรับศิลปินเหมือนกันนะ

ในส่วนของคนฟัง พยายามคิดว่าให้เพลงใหม่ลากเส้นไปหาเพลงเก่าให้ได้ เหมือนเราทิ้งขนมปังเอาไว้ให้เขาเดินกลับไปเอง แต่ส่วนตัวผมไม่เคยลืมนะครับ เพราะยังต้องใช้งานมันอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ออกไปเล่นยังรู้สึกเป็นเพลงที่เราชอบ เราคิดถึงมันอยู่เสมอ 

 

เป้าหมายในการทำเพลงและการทำงานเปลี่ยนไปบ้างไหมในวัย 35 ปี

ผมให้เพลงเป็นหนึ่งในสิ่งที่โคจรรอบว่าน ธนกฤต ช่อง Soloist คืออีกหนึ่งดาวเคราะห์ที่โคจรรอบผม เวลาลูกค้าถือเงินมาก้อนหนึ่ง เขาจะซื้อผมจากดาวไหนก็ได้ อันนี้คือสิ่งที่ทำให้ผมยังพอรันศิลปินที่ชื่อว่าว่านให้ไปข้างหน้าได้อยู่ บางเดือนอาจจะดี บางเดือนอาจจะแย่ แต่ว่ามันครบวงจร

 

ชอบบทบาทไหนในบรรดาดาวเคราะห์จำนวนมากของตัวเองมากที่สุด

เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนที่เริ่มกลับมาทำงานออนไลน์ แล้วได้ออกไปคุยกับคนแปลกหน้าบ้าง ผมชอบทำหนึ่งสิ่งที่คล้ายๆ คำว่า Mood Setter ไม่ว่าจะบทบาทบนเวทีคอนเสิร์ต พิธีกร เดินไปคุยกับลุงๆ ป้าๆ ในตลาด แล้วรู้สึกว่าที่ก่อนหน้านั้นบรรยากาศดูเกร็งๆ มีเราไปช่วยคลี่คลายให้เขารู้สึกเป็นกันเองกับวันนั้นได้นิดหน่อย 

 

อย่างงานพิธีกรรายการ ประชาชื่น เป็นสิ่งที่ผมลุ่มหลงกับมันมากเลยนะครับ การได้ไปเจอคนแปลกหน้าที่แต่ก่อนเราพยายามหาเคสในกรุงเทพฯ แต่พอหลังโควิด-19 ปุ๊บ เปิดมาเราอยากออกเดินทางไปไกลๆ 

 

ว่านไปเรื่อย ก็มีเรื่องใหม่ของซีซันนี้ เพราะมีไปฟีเจอริงกับยูทูเบอร์ต่างๆ หลายคนที่ผมแทบไม่มีโอกาสได้เจอเขาเลย บางคนผมไม่เคยดูด้วยซ้ำ แต่พอได้คุยกัน เฮ้ย เขามีความเก่งแบบที่คนอาจไม่ชอบเขาถ้าอยู่ในทีวี 

 

นอนบ้านเพื่อน ที่ดูเหมือนสคริปต์ไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่จะถูกอัปเกรดขึ้นไปเพราะความสนิทของพิธีกรที่มากขึ้น เรื่องนี้ โอ๊ต ปราโมทย์ เป็นคนสอนผมเสมอตั้งแต่รู้จักกันมาว่า ให้เกาะกลุ่มกันไว้นะเพื่อน มีอะไรเราทำด้วยกัน คิดถึงมึง คิดถึงกู คิดถึงพี่ป๊อบ คิดถึงพี่ตู่ คิดถึงทอม พอเกาะกันไปแบบนี้ เดี๋ยวก็สนิทกัน แล้วมันจะสนุกโดยที่ไม่ได้เตรียมอะไรเลย 

 

เหมือนตอนที่คุณชวนผมมาออกรายการต่อเพลงของ THE STANDARD POP แค่ถามว่าโอ๊ตกับพี่ป๊อบมาไหมครับ ถ้ามาผมก็มา ขอแค่มีชื่อพวกนี้อยู่ ผมไปได้เลย 

 

รายการ POP LIVE ที่ว่าน โอ๊ต ป๊อบ และนนท์ ธนนท์ มาออกรายการร่วมกัน

 

คุณค้นพบอะไรเพิ่มขึ้นบ้างจากการเป็นพิธีกรไปพูดคุยกับหลายๆ คน ทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนในวงการ และคนแปลกหน้า 

ค้นพบว่าทุกการเดินทางมีความหมายเสมอในแบบของแต่ละคน เราไม่สามารถหมิ่นใครได้เลยว่าเขาห่วยแตก เพราะความสุขของเขาอาจจะใหญ่เต็มบ้าน มันเพียงพอสำหรับเขาแล้ว 

 

เวลาไปถ่ายรายการ เราไม่ได้ไปเพื่อบอกว่าใครดีกว่าใครอย่างไร เราไปถามเพราะอยากรู้ว่า สมมติวันหนึ่งผมไม่มีอะไรสักอย่าง แล้วจะอยู่แบบนี้ได้อย่างไร แนะนำผมหน่อยได้ไหมครับ ทุกคนมีวิธีการมีความสุขของตัวเอง 

 

ซึ่งไม่ใช่ว่าผมจะได้พบสิ่งใหม่ๆ จากทุกครั้งเสมอไปนะ บางครั้งก็เจอเรื่องเดิมๆ นี่ล่ะ แต่เป็นความซ้ำที่ดี เป็นความซ้ำที่ อ๋อ เราเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงอยู่อย่างนี้ได้ ทำไมถึงไม่ขึ้นราคาข้าวสักที เพราะเขาอยากขายเท่านี้ อยากให้คนที่เขาไม่มีเงินได้กินบ้าง หลายคนตอบแบบนี้ จนรู้สึกว่าเป็นการซ้ำที่ผมพึงพอใจ เพราะว่ายังมีคนที่ยังไม่รู้เรื่องซ้ำๆ นี้อีกมาก 

 

 

เกษียณสำราญ คืออีกหนึ่งรายการที่เรารู้สึกชอบมากๆ ที่พาแม่ของว่านและเพื่อนๆ ไปทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง นอกจากความสนุกของรายการ คุณคาดหวังอะไรจากรายนี้บ้างไหม

เป็นสิ่งที่ทำให้แม่ของผมและแม่อีก 3 ครอบครัวที่อยู่ในจักรวาลเดียวกันสดชื่นมากๆ ครับ เพราะว่าเขาได้กลับมาทำงาน มีคนเริ่มมาทักเวลาออกไปไหน การเป็นยูทูเบอร์เหมือนช่วยลดอายุของเขาไป 5-10 ปี ตื่นเช้าไม่มีอิดออด เพราะเป็นงานที่ตื่นมาแล้วแม่มีความสุข 

 

หลายๆ คนพยายามทำให้พ่อแม่สบาย แต่พ่อกับแม่จะบอกว่าการสบายไม่ใช่นั่งเฉยๆ เพราะมันจะมาพร้อมความเบื่อ ตอนนี้ผมมองว่าลูกๆ ยุคใหม่ควรให้พ่อแม่ทำงาน ให้เขาลำบากแต่อยู่บนพื้นฐานที่เราเป็นคนดูแลว่าลำบากได้ถึงเบอร์ไหน ให้เขาเหมือนทำงานหาเงินใช้เงินเอง แต่จริงๆ มีเราชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่ละบ้านจะมีวิธีไม่เหมือนกัน แต่ควรให้มีกิจกรรมร่วมกัน เพราะทุกคนล้วนอยากมีประโยชน์

 

อย่างผมจะใช้วิธีสร้างระบบนิเวศใหม่ในบ้าน ครัวของแม่ต้องทันสมัย มีเครื่องมือต่างๆ แต่ถ้าแค่นั้นพ่อจะไม่มีจุดร่วม เลยคิดว่าเครื่องย่อยขยะเป็นสิ่งจำเป็น เพราะพ่อเป็นคนดูแลต้นไม้ในบ้าน จากที่เมื่อก่อนต้องเอาเปลือกไข่ไปล้าง ตำ ตากแดด ทำเป็นปุ๋ย คราวนี้พ่อไม่ต้องแล้วนะ อาหารของแม่จะเป็นปุ๋ยของพ่อ แล้วแม่อยากปลูกอะไรเอามาทำอาหารก็บอก เดี๋ยวพ่อเป็นคนจัดการให้ เชื่อมโยงให้ทุกคนมีกิจกรรม มีพื้นที่ และรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ 

 

ตัวอย่างรายการ เกษียณสำราญ

 

เราได้ยินเรื่องคุณเป็นคนชอบเล่นเกมมาสักพัก แต่ทำไมเพิ่งมาเห็นภาพของการเป็น ‘เกมเมอร์’ แบบชัดๆ ตอนมาเล่น GTA กับ FIFA ออนไลน์กับเพื่อนๆ แก๊ง ‘ปล่อยจอย’ 

ผมเล่นเกมมาตลอดนะครับ แต่ไม่ค่อยออนไลน์ เพราะเคยฝังใจกับตอนซื้อ PlayStation 3 มาเล่น Winning Eleven ด้วยความคิดว่าเราเก่งสุดในนนทบุรีเลยนะ พอออนไลน์ปุ๊บ เจอใครไม่รู้ยิงเยอะมาก อะไรเนี่ย พอเจอโลกกว้างของเกมเมอร์ เราเป็นทหารเบี้ยที่กระจอกมากเลย 

 

จนวันหนึ่งโอ๊ตมาชวนเล่น FIFA ออนไลน์ ตอนนั้นผมไม่มีหูฟังด้วยซ้ำ โอ๊ตบอกว่าในกล่องมีให้ แต่ผมไม่เคยแกะออกมาจนทิ้งกล่องไปแล้ว ต้องหาหูฟังอะไรไม่รู้มาใช้ ต่อปุ๊บยังไม่ทันเข้าเกม ผมคุยก่อนเลย สวัสดีครับ มีใครอยู่บ้างครับ บรรยากาศมันดีมากเลยนะ

 

แล้วค้นพบว่า อ๋อ PlayStation มันสนุกตรงเล่นกับเพื่อน ฟังก์ชันปาร์ตี้คือดีที่สุด การเล่นไปด้วยสนทนาไปด้วย แกล้งกัน ตำหนิกันไป 2-3 เดือนที่โอ๊ตชวนเล่น เป็นช่วงที่ผมใช้ PlayStation คุ้มที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลย แล้วก็เล่นกันมาเรื่อยๆ จนมีงาน มีรายได้แบ่งๆ กันไป

 

พอมาถึงตอนนี้ทุกคนในปาร์ตี้เริ่มแยกย้ายไปทำงานแล้ว แต่ยังมาเจอกันอยู่ บางวันมั่วๆ เปิดเข้าไปเจออาร์ต (ดีเจอาร์ต-มารุต ชื่นชมบูรณ์) สตรีมอยู่ พอเข้าไปอยู่กัน 6 คน เล่นสักแมตช์สองแมตช์แล้วกัน พอจะเลิก พี่โต๋ (ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร) เข้ามา คนโน้นคนนี้เข้ามา กลายเป็นว่าทุกคนแบ่งเวลาช่วงก่อนนอนเอาไว้เตะฟุตบอลกับเพื่อน แน่นอนว่ามีเวลาน้อยกว่าเดิม แต่มีให้ชมไม่ขาดสายแน่นอน

 

ตัวอย่างรายการ ปล่อยจอย

 

 

ในวัย 35 ปี คุณมีมุมมองเกี่ยวกับความรักที่เหมือนเดิมและแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างไรบ้าง

ยังมองเป็นเรื่องสดชื่นเหมือนเดิมครับ ผมมองความรักเป็นเพื่อน คือมองแฟนว่าเป็นแฟนนะครับ แต่มองตัวเชื่อมระหว่างคำว่าเรารักเธอเป็นเพื่อน ทำให้เป็นเรื่องประจำวันของเราที่ถ้าได้เจอก็ดี ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไรให้ได้ เพราะต่างคนมีอะไรของตัวเองต้องทำ แต่ถามว่าอยากเจอไหม อยากเจอเพื่อนอยู่แล้ว แค่ทำให้เป็นเรื่องสบายๆ กว่าเดิม 

 

ผมได้ไอเดียนี้จากที่บ้าน เพราะเห็นพ่อกับแม่หวานกันครั้งสุดท้ายเมื่อ 20 ปีที่แล้วมั้งครับ อยู่กันเหมือนเพื่อนที่เดินเอาข้าวมาวางไว้ให้ จะกินก็กิน ไม่กินก็ไม่เห็นโกรธกัน เลยอยากเอาโมเดลนั้นมาทดลองใช้ว่า ถ้าเรามีแฟนเสมือนเป็นเพื่อนไปด้วยกันก่อนแต่งงานมันจะดีไหม 

 

นึกถึงเวลาเดินเลือกของแต่งบ้าน ถ้าเดินกับแฟนจะไม่สนุก พอเขาจะซื้อของจุกจิก ขวด ถาดไม้ อะไรต่างๆ เราจะสงสัยว่าซื้อไปทำไม แต่ถ้าไปกับเพื่อนปุ๊บ เฮ้ย 29 บาทเอง ซื้อเถอะ ปรับวิธีการไปเลย อยากซื้อเชิญเลย แต่อย่าเพิ่งเอามารกห้องเราแล้วกัน (หัวเราะ) 

 

ผมเริ่มทดลองตอนกลางปี 2019 ที่ ฟาง (ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์) เพิ่งเรียนจบกลับมาประเทศไทย ด้วยความเป็นเด็กที่มีความเพิกเฉย เช่น ถามว่าพรุ่งนี้ทำอะไร มีถ่ายรายการกับ THE STANDARD POP ถ้าอย่างนั้นข้ามไปวันอื่นเลย จะไม่มีการถามว่าเสร็จกี่โมง เสร็จแล้วไปไหน จะเจอกันไหม ซึ่งเรื่องนี้ผมยังไม่รู้เลย เดี๋ยวมีไลฟ์ต่อ เดี๋ยวต้องเจอโอ๊ต ซึ่งตรงนี้จะเหมือนเวลาคุยกับเพื่อนที่มีเวลาของแต่ละคน

 

 

สิ่งที่ค้นพบจากการทดลองใช้โมเดลเพื่อนแบบนี้คืออะไร

ทะเลาะกันเรื่องที่ไม่ควรทะเลาะน้อยลงครับ ยอมรับในการตัดสินใจของกันและกันมากขึ้น เลือกร้านอาหาร เลือกวันที่จะไป เลือกสถานที่พักได้ง่ายขึ้น เช่น ถ้าเธอไม่เลือก เราเลือกนะ หรือถ้าเราติดงานอยู่ เลือกไม่ได้ เธอเลือกให้หน่อย พักที่ไหน บินกี่โมง จองไปเลย ไม่ต้องถาม ถ้าเช้าเราต้องยินดีตื่นเพราะไม่ได้เป็นคนจอง แบ่งๆ กันทำ ลดการปะทะกันได้เยอะ 

 

คุณเป็นคนที่ชอบกินเนื้อมาก ถึงขนาดเคยบอกว่าถ้ามีแฟนแล้วแฟนไม่กินเนื้อ จะพยายามโน้มน้าวให้มากินเนื้อที่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกให้ได้ ตอนนี้อุดมการณ์นั้นยังมั่นคงเหมือนเดิมอยู่ไหม

ฟางไม่กินเนื้อ แล้วผมทำแบบนั้นไม่สำเร็จครับ (หัวเราะ) สิ่งที่ได้กลับมาคือหลีกเลี่ยงการไปกินเนื้อย่าง เพราะส่วนมากเป็นร้านบุฟเฟต์ ถ้าไปเขาต้องกินหมูที่มีให้เลือกไม่กี่แบบ ก็ตัดสินใจไม่กินดีกว่า ถ้าต้องเห็นคนที่ไปกับเรามีตัวเลือกในการกินน้อย 

 

แต่มีวันหนึ่งที่ผมประทับใจมาก คือฟางจองร้านยากินิกุร้านหนึ่งเอาไว้ ซึ่งเนื้ออร่อยมาก แต่มีหมูอย่างเดียวคือสันคอ ผมถามว่าทำไมเลือกร้านนี้ เขาบอกว่ารีวิวร้านนี้ดีนะ อร่อย อยากให้เราได้กินเนื้อบ้าง 

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

ใครหนอจะเติมราตรีไร้ดาว 🙂

A post shared by wan soloist (@wan_soloist) on

 

 

 

คุณขอพรอะไรเป็นของขวัญวันเกิดในวันที่อายุครบ 35 ปีพอดี

ส่วนมากปีหลังๆ ตั้งแต่ก่อนคุณยายเสียชีวิต ผมจะขอให้ทุกอย่างเป็นปกติ ปกติที่ว่าคือให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น เช่น ถ้าพรุ่งนี้คุณยายต้องจากไปด้วยโรคมะเร็ง ขอให้เขาไปแบบปกติ ถ้าพรุ่งนี้เราได้เจอผู้หญิงสักคนที่น่ารัก ขอให้เจอแบบปกติ ไม่ได้เจอในที่ยากๆ หรือมีแฟนอยู่แล้ว ขอให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายที่สุดเท่าที่เราจะขอพรได้

 

ผมว่าชายหญิงวัยกลางๆ จะน้อมรับเรื่องน่าเบื่อได้มากขึ้น เราไม่อยากตื่นเต้นขนาดนั้นแล้ว ไม่อยากไปลุ้นอะไรมากๆ ในที่ทำงาน ไม่อยากฉูดฉาดกว่านี้แล้ว อยากอยู่อย่างนี้ยาวๆ แล้วเก็บเกี่ยวเงิน เก็บเกี่ยวไมตรีที่พอจะรันชีวิตนี้ไปได้เรื่อยๆ แค่นี้ก็พอแล้ว

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising