×

สถิติเผย ชาว ‘Wall Street’ แห่ตุนเงินสดเดือนตุลาคมสูงสุดรอบ 21 ปี หลบเสี่ยงตลาดหุ้น ‘หมีสุดขั้ว’

19.10.2022
  • LOADING...
Wall Street

Bank of America (BofA) ได้เปิดเผยผลสำรวจผู้จัดการกองทุน (Global Fund Manager Survery: FMS) ที่เปิดเผยว่า บรรดานักลงทุนเพิ่มสัดส่วนสำรองเงินสดเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม จนแตะระดับสูงสุดในรอบ 21 ปี โดยแนวโน้มความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายของธนาคารกลางซึ่งเริ่มมากขึ้น กลายเป็นตัวบ่งชี้ความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะเข้าสู่ภาวะตลาดหมีสุดขั้วในปี 2023 

 

อย่างไรก็ตาม BofA ประเมินว่าตลาดหุ้นจะขยับปรับตัวได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เมื่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับนักลงทุนในตลาด 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


BofA ระบุว่า ปริมาณเงินสดเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนเมษายน 2001 ที่ 6.3% เนื่องจากนักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น เพื่อรับมือกับความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งตัวชี้วัดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของตลาดได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากความกังวลด้านการเงินและสินเชื่อ 

 

ทั้งนี้ BofA ได้ดำเนินการสำรวจความเห็นบรรดาผู้จัดการกองทุนที่ดูแลสินทรัพย์มากกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 7-13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้จัดการกองทุนเข้าร่วมตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 371 ราย

 

‘Fitch’ จ่อหั่นคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ปีหน้า 

สถานีโทรทัศน์ CNN อ้างอิงรายงานของ Fitch Ratings ที่ออกมาประเมินแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่พบว่าไม่ค่อยสดใสสักเท่าไรนัก เพราะปัญหาเงินเฟ้อพุ่ง และนโยบายปราบเงินเฟ้อของ Fed จะฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เดินหน้าเข้าสู่ภาวะถอยปานกลาง ซ้ำรอยช่วงปี 1999 โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า 

 

พร้อมกันนี้ ทาง Fitch ยังได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของสหรัฐฯ ในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อปราบเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ Fed ซึ่งขณะนี้คาดว่า GDP ของสหรัฐฯ จะเติบโตเพียง 0.5% ในปีหน้า ลดลงจาก 1.5% ในการคาดการณ์ครั้งก่อน 

 

Fitch กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงจะ “พิสูจน์ให้เห็นถึงการระบายที่มากเกินไป” ต่อรายได้ครัวเรือนในปีหน้า โดยทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคหดตัวลงจนถึงจุดที่ทำให้เกิดภาวะถดถอยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023

 

ขณะเดียวกัน Fitch ยังประเมินความสามารถของบริษัทและประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการชำระหนี้ 

 

รายงานระบุว่า การคาดการณ์ครั้งนี้ยังได้เพิ่มความหวาดกลัวให้กับตลาด นักเศรษฐศาสตร์ และผู้นำทางธุรกิจ ต่างเห็นตรงกันว่าสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งภายในระยะเวลาเพียง 2.5 ปีหลังจากครั้งล่าสุด

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ให้เบาใจได้บ้างก็คือ ภาวะถดถอยที่จะเกิดขึ้นครั้งต่อไปอาจไม่รุนแรงเข้าขั้นทำลายล้าง เมื่อเทียบกับ 2 ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ล่าสุดที่เกิดขึ้น โดย Fitch มองว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาวะถดถอยครั้งนี้ไม่รุนแรงเป็นเพราะกำลังการบริโภคในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับที่ถือได้ว่าดีอยู่ 

 

แถลงการณ์ของ Fitch ระบุว่า การเงินในครัวเรือนของสหรัฐฯ ในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าในปี 2008 มาก ระบบธนาคารมีสุขภาพที่ดีขึ้น และแทบไม่มีหลักฐานว่าเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยแต่อย่างใด 

 

ทั้งนี้ ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ หรือ The Great Recession ซึ่งเริ่มขึ้นในปลายปี 2007 เป็นภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และเกือบจะนำไปสู่การล่มสลายของระบบการเงิน ขณะที่ภาวะถดถอยของโควิด ซึ่งเริ่มต้นในต้นปี 2020 ทำให้อัตราการว่างงานสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นถึงเกือบ 15%

 

ในส่วนของการถดถอยที่มีแนวโน้จะเกิดขึ้นปีหน้านี้ ทาง Fitch มองว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในวันนี้ เป็น 5.4% ในปี 2024 บ่งชี้ได้ว่าตลาดงานหมายมีการเพิ่มขึ้น 1.9% จากระดับปัจจุบัน และแม้จะมีตำแหน่งงานที่หายไปนับล้าน แต่ก็ไม่มากเท่ากับงานที่หายไปในช่วงสองภาวะถดถอยก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากงบดุลของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งมาก และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising