×

วีซ่าแชร์เทรนด์ท่องเที่ยว ชวนปักหมุดสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผ่านผลสำรวจ Visa Global Travel Intentions Study 2023 [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
19.12.2023
  • LOADING...
Visa Global Travel Intentions Study

เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองที่แทบจะเป็นสิ่งคุ้นเคยสำหรับหลาย ๆ คนที่จัดแจงวางแผนออกเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะปีนี้ที่การท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาคึกคัก ทั้งส่วนของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะประเทศไทยเองที่มีแรงหนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่พร้อมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโตและพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะการท่องเที่ยวคือหนึ่งในกุญแจสำคัญของประเทศไทยที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งตรงนี้เป็นความน่าสนใจว่าภาพรวมการท่องเที่ยวต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร 

 

ล่าสุด วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศผลสำรวจที่จัดทำขึ้นในปี 2023 เกี่ยวกับพฤติกรรมและเทรนด์การท่องเที่ยวอย่าง Visa Global Travel Intentions Study 2023 ที่มีข้อมูลน่าสนใจมากมาย  ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการและร้านค้าได้เห็นถึงเทรนด์ความต้องการของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อปรับตัวและเตรียมพร้อมรองรับช่วงเวลาทองแห่งการท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ชาวไทยที่ยังไม่ได้วางแผนจะไปเที่ยวที่ไหนได้มีไอเดียเพื่อปักหมุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนไทยในช่วงนี้  โดยผู้ตอบแบบสอบถามเห็นพ้องตรงกัน ยกให้ ‘ญี่ปุ่น’ ครองแชมป์จุดหมายปลายทางที่คนไทยปักหมุด ส่วน ‘กรุงเทพฯ’ ยังเป็นที่สุดของจุดหมายปลายทางสำหรับชาวต่างชาติในภูมิภาคนี้ ที่พวกเขาอยากกลับมาซ้ำมากที่สุดภายใน 12 เดือนต่อจากนี้ 


ผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกฉบับล่าสุดประจำปี 2023 ของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study 2023) เป็นผลสำรวจที่ได้จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและแผนการเดินทางของผู้บริโภคที่ใหญ่และทำมายาวนานที่สุดโดยวีซ่า ที่ไม่เพียงให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังชี้ให้เห็นถึงแผนการเดินทางและความต้องการของพวกเขาในอีก 12 เดือนข้างหน้าอีกด้วย

 

โดยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีนี้ ประเทศโซนเอเชีย-แปซิฟิกยังคงเป็นที่สนใจสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการจะไปเยือนมากที่สุด โดยญี่ปุ่นครองแชมป์อันดับ 1 ตามมาด้วยเกาหลีใต้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ นอกจากนี้ในอีก 12 เดือนต่อจากนี้ยังวางแผนที่จะเที่ยวเฉลี่ย 2.4 ทริป ซึ่งมีทั้งกลับไปเยือนสถานที่ที่เคยไปมาแล้ว (46%) และวางแผนไปเที่ยวสถานที่ใหม่ ๆ (54%)

 

คนไทยมากถึง 67% ออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายเป็นแรงจูงใจหลัก รองลงมาคือชอปปิง 41%, เปิดประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งใหม่ 37%, เที่ยวเพื่อเป็นรางวัลชีวิต 26% และต้องการออกผจญภัย 25%

 

ปัจจุบันการชำระเงินแบบดิจิทัลได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพราะสะดวกและปลอดภัยกว่า จึงเห็นได้ว่าคนไทยเลือกจ่ายผ่านบัตรแทนเงินสดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้จ่ายเพื่อจองที่พักล่วงหน้า 78% และค่าตั๋วเครื่องบิน 62% นอกจากนี้ยังเลือกใช้บัตรแทนเงินสดในการชอปปิง รับประทานอาหาร และทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างทริปอีกด้วย

 

กลับกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยโดยมากเป็น ‘นักท่องเที่ยวซ้ำ’ เพราะกว่า 28% ที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2023 ตั้งใจจะกลับมาอีกใน 12 เดือนข้างหน้า โดยนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียมีแนวโน้มจะกลับมาเที่ยวไทยมากสุดถึง 42% รองลงมาคือสิงคโปร์ 41%, ฟิลิปปินส์ 28%, สาธารณรัฐประชาชนจีน 25% และเวียดนาม 22% ซึ่งพวกเขาเลือกมาเยือนประเทศไทยเพื่อผ่อนคลายเป็นแรงจูงใจหลัก และยังชื่นชอบการชอปปิง รวมถึงเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในประเทศไทย  รวมถึงพบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา ยังเป็นหมุดหมายยอดนิยมของพวกเขา

 

จากการสำรวจเรื่องการเดินทางในช่วงที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มมิลเลนเนียลมากถึง 51% เป็นกลุ่มนักเดินทางที่มาเยือนไทยมากที่สุด ตามด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง 27%, ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กเล็ก 18%, คนโสดวัยหนุ่มสาว 16%, Gen Z 15%, ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กโต 14% และกลุ่มวัยเกษียณ 11% ตามลำดับ

 

ระยะเวลาในการมาเที่ยวของชาวต่างชาติมีภาพรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 8 คืน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยเกษียณพำนักอยู่ในประเทศไทยนานที่สุด โดยเฉลี่ยมากถึง 12 คืน หากแยกข้อมูลตามเชื้อชาติพบว่า นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ใช้เวลานานที่สุดคือ 7 คืน รองลงมาคือชาวจีนและชาวเวียดนาม 5 คืน ส่วนชาวมาเลเซียและชาวฟิลิปปินส์เฉลี่ยอยู่ที่ 4 คืน

 

เมื่อเจาะลึกไปดูข้อมูลด้านการใช้จ่ายพบว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุดเฉลี่ย 95,000 บาท ตามมาด้วยสิงคโปร์ 58,000 บาท, ฟิลิปปินส์ 48,000 บาท, เวียดนาม 38,000 บาท และมาเลเซีย 34,000 บาท ทั้งนี้ ยอดใช้จ่ายทั้งหมดจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการเดินทาง และพวกเขายังเลือกวิธีการชำระผ่านบัตรแทนเงินสด ตั้งแต่การจองที่พัก ซื้อตั๋วเครื่องบิน ตลอดจนใช้ซื้อสินค้า รับประทานอาหาร และทำกิจกรรมต่าง ๆ ขณะอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย

 

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงเนื้อหาบางส่วนที่เราหยิบยกขึ้นมาเพื่อสะท้อนถึงผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกฉบับล่าสุดประจำปี 2023 ของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study 2023) ซึ่งวีซ่ามุ่งหวังว่าข้อมูลชุดนี้จะช่วยให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และจะสามารถสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการสามารถจ่ายและรับชำระเงินได้อย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เราหวังว่าข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้พันธมิตรของเราสามารถยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อม ๆ ไปกับการส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความพยายามร่วมกันของเรามีจุดหมายเดียวกัน เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนให้ภาพรวมของระบบนิเวศการชำระเงินดียิ่ง ๆ ขึ้นไป”

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising