ในยุคแรกเริ่ม ‘โรงพยาบาลวิมุต’ ได้เกิดขึ้นมาโดยมีเป้าหมายให้บริการด้านการดูแลผู้สูงอายุ โดยตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
แต่ 1 ปีผ่านมาโรงพยาบาลได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการเป็น Trusted Healthcare Platform ซึ่งเป็นแนวคิดนวัตกรรมที่ผสานรวมเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับแนวทางปฏิบัติด้านการดูแลสุขภาพ การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บริการและแพลตฟอร์มด้านสุขภาพที่ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ และราบรื่น
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า แนวคิดคือการมุ่งเน้นไปที่ความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมของผู้ป่วย นอกเหนือไปจากการรักษาโรคเท่านั้น โรงพยาบาลใช้แนวทางองค์รวมในการดูแลผู้ป่วยด้วยการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และฟื้นฟูสุขภาพ การดูแลที่ครอบคลุมนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้ป่วยแต่ละรายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงครอบครัวด้วย เพื่อให้มั่นใจถึงความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้มีชีวิตที่สมบูรณ์และมีความสุข
ทิศทางใหม่นี้ได้ออกแบบ Customer Journey ใหม่ โดยเน้นที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหลัก ความคิดริเริ่มนี้ตั้งใจที่จะจัดการกับปัญหาด้านสุขภาพทุกอย่างที่ผู้ป่วยอาจเผชิญ ปรับปรุงกระบวนการและทำให้การดูแลสุขภาพเข้าถึงได้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“โรงพยาบาลได้วางแผนสำหรับ 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์เฉพาะทาง 5 แห่งที่จัดไว้สำหรับโรคเฉพาะ เช่น หัวใจและสมอง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเฉพาะทาง ยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่มีอยู่”
ในอุตสาหกรรมโรงพยาบาลเอกชนมีการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเล็งเห็นถึงศักยภาพของธุรกิจนี้ แม้ว่าการแข่งขันจะสูงขึ้น แต่โรงพยาบาลวิมุตยังมีโอกาสเติบโตเนื่องจากตลาดยังไม่อิ่มตัว โรงพยาบาลมีกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใครในการตอบสนองลูกค้าระดับกลางและระดับบน โดยการปรับปรุงคุณภาพของบริการที่นำเสนออย่างสม่ำเสมอและให้บริการในราคาที่เข้าถึงได้
ในโลกของการดูแลสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลวิมุตเชื่อในปรัชญาของการเป็น ‘ปลาที่เร็ว’ โดยให้ความสำคัญกับความสามารถในการปรับตัวและความรวดเร็วมากกว่าขนาด แนวทางนี้อยู่บนพื้นฐานของการสังเกตว่าอนาคตเป็นของผู้ที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและหลบหลีกอย่างรวดเร็วผ่านสถานการณ์ที่หลากหลาย แทนที่จะพึ่งพาขนาดหรือทรัพยากรเพียงอย่างเดียว
ขณะนี้โรงพยาบาลกำลังวางแผนที่จะขยายการดำเนินงานโดยสร้างโรงพยาบาลอีกแห่ง การค้นหาทำเล เช่น สุขุมวิท 54 หรือปิ่นเกล้า ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ
เมื่อได้ข้อสรุปของสถานที่แล้ว การก่อสร้างจะเริ่มขึ้นในปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปีในการเปิดเฟสแรกที่ใช้งบลงทุน 1 พันล้านบาท โดยได้วางแผนที่จะสร้างรายได้ให้เพียงพอก่อนที่จะขยายสู่เฟสอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 5 ปี
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลวิมุตประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยได้รับชื่อเสียงจากการเป็นผู้นำด้าน Trusted Healthcare Platform ในไตรมาสแรกของปี 2566 รายได้ของโรงพยาบาลอยู่ที่ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้นี้มาจาก 2 แหล่งหลัก คือ รายได้จากบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลวิมุต และรายได้จากโรงพยาบาลเทพธารินทร์
แผนในอนาคตของโรงพยาบาลวิมุตมีเป้าหมายที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำในด้าน Trusted Healthcare Platform โดยมีความตั้งใจที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวด้วยการให้บริการด้านสุขภาพที่เป็นเลิศ ซึ่งผสมผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะโรคเข้ากับนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย บริการเหล่านี้ได้รับการเสริมเพิ่มเติมด้วยการเชื่อมต่อออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
โรงพยาบาลยังมีแผนที่จะพัฒนาเป็นโรงพยาบาลเสมือนจริง นวัตกรรมใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ป่วยติดเตียงหรือไม่สามารถมาโรงพยาบาลได้รับการดูแลผ่านอุปกรณ์ติดตามร่างกาย ในกรณีฉุกเฉินหรือผิดปกติสามารถให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือได้ทันท่วงที
โรงพยาบาลวิมุตก้าวสู่ปีที่ 3 ยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์การเป็น ‘Holistic Hospital’ กลยุทธ์นี้ตอบโจทย์ตลาดผู้สูงอายุ โดย 20% ของโครงสร้างประชากรไทยมีอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ โรงพยาบาลมีแผนขยายบริการให้ครอบคลุมโรคที่ซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น โดยได้ลงทุนในโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากและซับซ้อนเพื่อพัฒนาศูนย์เฉพาะทางของวิมุต
แม้จะมีความท้าทายจากการระบาดของโควิด แต่ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนก็สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 7.7% การคาดการณ์โดย ttb analytics ชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่สดใส โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ากว่า 3.2 แสนล้านบาท
ttb analytics ประเมินว่าสถานการณ์การเปิดประเทศและการดำเนินธุรกิจในประเทศที่เป็นปกติจะสร้างแรงส่งให้ตลาดชาวไทยและชาวต่างชาติเติบโตต่อไป โดยคาดว่ารายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนภาพรวมจะเติบโตได้ 8-10% ในปี 2566
ขณะเดียวกันธุรกิจบริการด้านสุขภาพมีความน่าสนใจมากขึ้นจากปัจจัยหลายประการ คนรุ่นใหม่เน้นการดูแลเชิงป้องกัน จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น และประเทศไทยกำลังได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘ศูนย์บริการด้านสุขภาพ’ (Medical Service Hub) จากแนวโน้มดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่ารายได้จากโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเติบโตประมาณ 6.5% ในปี 2566