ด้วยการเปลี่ยนแปลงของการบริโภคสื่อในยุคสมัยนี้ ภูมิทัศน์ของวงการสื่อย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับสื่อนิตยสารแฟชั่นหัวใหญ่ทั้งหลายที่เม็ดเงินโฆษณาเริ่มเทไปที่ออนไลน์ ทำให้เว็บไซต์ อินสตาแกรม และเฟซบุ๊กของแต่ละนิตยสารไม่ใช่ ‘ตัวแถม’ อีกต่อไป และกำลังขยับฐานะกลายเป็น ‘สื่อหลัก’!!
ล่าสุดสื่อแฟชั่นเบอร์หนึ่งอย่าง Vogue อเมริกา ภายใต้การควบคุมของบริษัทแม่ Condé Nast ที่มี แอนนา วินทัวร์ อยู่ในตำแหน่ง Artistic Director ดูแลภาพลักษณ์ของนิตยสารทุกหัว และเป็นบรรณาธิการบริหาร Vogue ก็เพิ่งประกาศการร่วมมือทำแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Project Vs กับ Vice Media องค์กรข่าวที่ก่อตั้งโดย เชน สมิธ ในปี 1994
สำหรับ Project Vs จะเป็นการผลิตคอนเทนต์วิดีโอและภาพถ่ายร่วมกันของ Vogue และ Vice โดยมีการแชร์บุคลากรของทั้งสองสื่อ เช่น บรรณาธิการผู้เชี่ยวชาญ มาทำงานร่วมกัน ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า และจะปล่อยคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง 100 วันเต็ม โดยมุ่งหวังที่จะสะท้อนแง่มุมต่างๆ ของสังคมปัจจุบันที่มีตั้งแต่แฟชั่นยันการเมือง
หลายคนอาจรู้สึกว่าสองสื่อนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ Vogue ก็อยู่ในโลกแฟชั่นหรูหราตระการตา ส่วน Vice ก็เน้นทำข่าวสังคมสไตล์สารคดีที่เนื้อหาหนักและรุนแรง แต่ถ้าได้ศึกษา Vogue อเมริกาอย่างถี่ถ้วน เราจะเห็นว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทางสื่อเองได้ปรับเนื้อหาให้อิงกับปัญหาทางสังคมและผลักดันการมีพื้นที่ให้ผู้หญิงทุกรูปแบบมากขึ้นตามคอนเซปต์ ‘Diversity’ เช่น การใช้นางแบบพลัสไซส์ นางแบบผิวสี และนางแบบข้ามเพศ ทั้งในตัวนิตยสารและสื่อออนไลน์ของตัวเองที่ทางแซลลี่ ซิงเกอร์ เป็นคนดูแล และได้เห็นแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Vogue อเมริกาเติบโตอย่างมหาศาล ซึ่งพอมาทำงานกับ Vice ผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการทำเรื่องราวเชิงสังคม Vogue ก็อาจกลายเป็นอีกหนึ่งแกนนำด้านสิทธิผู้หญิงที่มีเรื่องแฟชั่นมาพัวพัน
ในเชิงธุรกิจโปรเจกต์ Project Vs ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเชิญชวนให้แฟนคลับของแต่ละสื่อได้รู้จักโลกของอีกสื่อหนึ่งและเพิ่มยอด Engagement ในอนาคต ซึ่งสำหรับบริษัท Condé Nast เองที่ดูแล Vogue ก็ได้เริ่มร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ มากขึ้น เช่นการผลิตนิตยสารให้กับแบรนด์ Goop ของนักแสดงสาว กวินเน็ธ พัลโทรว ส่วนจดหมายข่าวรายสองสัปดาห์ Lenny Letter ของนักแสดงสาว ลีนา ดันแฮม ก็จะเริ่มถูกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ต่างๆ ในเครือ Condé Nast ปีหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเผยแพร่ผ่านเครือ Hearst Communications คู่แข่งเบอร์หนึ่งเจ้าของ Elle และ Harper’s Bazaar