×

รู้จัก VanMoof สตาร์ทอัพเจ้าของฉายา ‘Tesla แห่งวงการจักรยานไฟฟ้า’ รุ่งโรจน์เหมือนกัน บนปัญหาที่คล้ายกัน!

โดย THE STANDARD TEAM
23.09.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • จักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในหลายประเทศช่วงหลังการล็อกดาวน์ เห็นได้ชัดจากสตาร์ทอัพอย่าง VanMoof ที่ออกมาเผยว่าเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 91% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 เบ็ดเสร็จแล้วยอดขายทั่วโลกช่วงไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 379%
  • ยอดขายร้อนแรงทำให้บริษัทระดมทุนได้อีก 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรอบ Series B ความเชื่อมั่นจากกลุ่มทุนรายใหญ่จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ VanMoof ขยายกิจการได้ทั่วโลก หลังจากที่ก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี 2009
  • ความเนื้อหอมนี้ทำให้หลายคนเรียกบริษัทสัญชาติดัตช์อย่าง VanMoof เป็น ‘Tesla แห่งวงการจักรยานไฟฟ้า’ ปรากฏว่า VanMoof ไม่ได้เหมือน Tesla แค่ความฮอตฮิตติดลมบนเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มมีปัญหาใหญ่สไตล์เดียวกันด้วย เพราะขณะนี้ VanMoof เริ่มได้รับเสียงบ่นเพิ่มขึ้นตามดีมานด์ที่ขยายตัว

หลังจากการหยุดชะงักของเศรษฐกิจโลก VanMoof กลับเป็นบริษัทจักรยานไฟฟ้าที่ธุรกิจเติบโตโดดเด่น ล่าสุดสตาร์ทอัพ E-Bike อย่าง VanMoof สามารถระดมทุนในรอบ Series B ได้ถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,255 ล้านบาท 

 

โดยเป็นการระดมทุนจากกลุ่มทุนใหญ่ Norwest Venture Partners, Felix Capital และ Balderton Capital การระดมทุนรอบนี้เกิดขึ้นหลังจากการเพิ่มทุน 13.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ยอดรวมเงินทุนของ VanMoof เพิ่มขึ้นเป็น 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ความบูมของ E-Bike

การระดมทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดภารกิจสูงสุดของ VanMoof ที่ต้องการสร้างรายได้จากการขาย E-Bike หลักพันล้านคัน โดยเงินจากทุนรอบ Series B จะถูกนำไปใช้เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น และลดระยะเวลาในการจัดส่งสินค้า ร่วมกับการสร้างบริการสำหรับผู้ขับ เบื้องต้น VanMoof วางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาด E-Bike ในอเมริกาเหนือ ยุโรป และญี่ปุ่นก่อนเป็นกลุ่มแรก

 

เหตุผลความบูมของ E-Bike คือแรงหนุนจากการเปลี่ยนพฤติกรรมการสัญจรของชาวโลก จากที่เคยพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะ แต่การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนหันมานิยมจักรยานไฟฟ้ามากขึ้น

 

นอกจากนี้รัฐบาลหลายประเทศก็กำลังลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขี่จักรยาน โดยภาวะนี้มีโอกาสดันให้ตลาด E-Bike มีมูลค่าเกิน 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 6 ปีข้างหน้า

 

 

ไทส์ คาร์ลิเออร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง VanMoof ยอมรับว่า E-Bike เกิดขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางระดับโลกมาหลายปีแล้ว แต่โควิด-19 ทำให้ตลาดเกิดการขยายตัวแบบติดเทอร์โบ กลายเป็นวิกฤตที่จะช่วยเร่งให้เกิดการพัฒนาเมืองให้ดีขึ้น 

 

ขณะนี้บริษัทพบว่ารายได้ทั่วโลกของ VanMoof เติบโตขึ้นมากกว่า 220% ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ทั่วโลก และยอดขายจักรยานไฟฟ้าในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2020 นั้นมากกว่ายอดขายรวมทั้ง 2 ปีก่อนหน้านี้

 

ทำไมต้องเป็น VanMoof

ท่ามกลางแบรนด์ E-Bike ที่มีให้เลือกมากมาย VanMoof สามารถพัฒนาสายผลิตภัณฑ์ได้โดดเด่น ในขณะที่วิกฤตโควิด-19 เล่นงานห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก แต่ VanMoof ได้รับผลกระทบน้อยมาก เพราะการควบคุมการออกแบบและการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัท ทั้งหมดเป็นข้อได้เปรียบหลักที่ทำให้ VanMoof สามารถตอบสนองต่อตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

ยิ่งไปกว่านั้น แนวทางที่แบรนด์โฟกัสไปที่ผู้บริโภคโดยตรงยังช่วยให้ VanMoof สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้ขับขี่ เชื่อว่าฐานแฟนคลับของ VanMoof จะแข็งแกร่งขึ้นอีก เพราะจะมีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ทำตลาดอีกต่อเนื่อง

 

จักรยานไฟฟ้าทรงเพรียวลมของ VanMoof โดดเด่นที่การเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ มีหลอดไฟติดอยู่ในโครงจักรยาน และมีเทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรมอัจฉริยะที่จะล็อกล้อและส่งเสียงเตือนหากมีใครพยายามเคลื่อนย้ายจักรยานในขณะที่จอดอยู่

 

 

จักรยานแต่ละคันยังติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ด้วย เรื่องนี้ ทาโก คาร์ลิเออร์ ซีอีโอของ VanMoof กล่าวกับสำนักข่าว CNN Business ว่าบริษัทมีทีม ‘นักล่าจักรยาน’ เพื่อติดตามจักรยานที่ถูกขโมยไป 

 

โดยพบว่าการดำเนินงานของทีมนี้ประสบความสำเร็จ 75% ในยุโรป ถึงแม้ว่าระบบจะไม่สามารถติดตามจักรยานในอาคารสูงได้ก็ตาม

 

ปัญหารุมเร้า

ดาวเด่นสินค้าขายดีอย่าง VanMoof S3 และ X3 นั้นมีมูลค่า 1,998 ยูโร หรือราว 73,700 บาท ดีไซน์เน้นการเก็บชิ้นส่วนไฟฟ้าไว้ในท่อหุ้มอย่างเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลับนำไปสู่กระแสร้องเรียนว่าชิ้นส่วนผิดพลาดหรือเสียหายหลายรายการ รวมถึงการรอรับบริการนาน และการบริการลูกค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ

 

ปัญหาเหล่านี้ทำให้นักสังเกตการณ์นึกถึงวิถีการเติบโตของผู้บุกเบิกวงการรถไฟฟ้าอย่าง Tesla Inc. แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ VanMoof มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจนดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันสไตล์เดียวกัน ทำให้บริษัทต้องดิ้นรนเพื่อรับมือกับการควบคุมคุณภาพและบริการหลังการขาย ซึ่งจะเป็นปัญหาที่ถูกโฟกัสในการระดมทุนรอบใหม่

 

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของ VanMoof คือการฝึกอบรมพนักงานให้พร้อมช่วยเหลือลูกค้า ความไม่ราบรื่นสะท้อนชัดเจนจากหลายเสียงที่บ่นว่าการรอสายเพื่อรับบริการทางโทรศัพท์ใช้เวลานานถึง 45 นาที ขณะที่การซ่อมแซมกลไกไฟฟ้าในจักรยานมีความซับซ้อน 

 

 

ปัญหาเหล่านี้ถือว่าเป็นการบ้านใหญ่ในวันที่ VanMoof เพิ่มการผลิตเป็นสองเท่าในช่วงฤดูร้อน โดยตั้งเป้าผลิตจักรยานไฟฟ้าให้ได้ 50,000 คันในปีนี้ และ 90,000 คันในปีหน้า (2021)

 

ทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทมีแผนเพิ่มการจ้างงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเป็น 50 คน จากเพียง 15 คนเมื่อต้นปี เป้าหมายคือเพื่อให้ลูกค้ารอสายไม่เกิน 30 วินาที

 

สำหรับการระดมทุนรอบนี้ บริษัทเคยวางแผนที่จะระดมทุนเพียง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่พบว่านักลงทุนสนใจมากกว่าที่คาดไว้ เป็นอีกสถิติที่ตอกย้ำว่า VanMoof มีแนวโน้มสามารถเกาะกระแส E-Bike ซึ่งต่อติดกับผู้บริโภคในวัฒนธรรมป๊อปยุคนี้ได้มากขึ้นในช่วงหลังล็อกดาวน์

 

สิ่งที่ต้องจับตา VanMoof หลังการระดมทุนคืออิมแพ็กจากการขยายกิจการไปทั่วโลก ว่าจะทำให้สตาร์ทอัพเจ้าของฉายา ‘Tesla แห่งวงการจักรยานไฟฟ้า’ ผลักดันกระแส E-Bike ได้สดใสเพียงใดในเอเชีย

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising