สำหรับใครก็ตามที่กำลังเตรียมหาซื้อช็อกโกแลตแทนใจให้แก่คนสำคัญของใจในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้อาจต้องทำใจเล็กน้อย เนื่องจากปัญหาด้านการเก็บเกี่ยวผลผลิตโกโก้ของแหล่งปลูกสำคัญอย่างแอฟริกาตะวันตก ส่งผลให้ราคาโกโก้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งราคาวัตถุดิบสำคัญที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาช็อกโกแลตปีนี้มีแนวโน้มจะขยับแพงขึ้น
ทั้งนี้ ราคาของโกโก้ขยับพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาวะโกโก้ขาดแคลนอย่างต่อเนื่องดังกล่าวกำลังกดดันผู้ผลิตช็อกโกแลตที่ต้องแบกรับต้นทุนเงินเฟ้ออยู่แล้ว ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับขึ้นราคาช็อกโกแลตในที่สุด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 กุมภาพันธ์) ราคาโกโก้ในตลาดโลกทำสถิติสูงสุดเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน สร้างความตื่นตระหนกว่าในบรรดาผู้ผลิตช็อกโกแลตเกี่ยวกับปัญหาด้านซัพพลาย โดยราคาโกโก้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดได้น้อยลง เนื่องจากภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตอย่างแอฟริกาตะวันตกได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเลวร้าย บวกกับโรคระบาดที่กระทบต่อต้นโกโก้
ทั้งนี้ ดัชนีอ้างอิงเมล็ดโกโก้ในตลาดล่วงหน้าของ ICE London ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,916 ปอนด์ต่อเมตริกตันเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ โดยราคาของเมล็ดโกโก้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่านับตั้งแต่ต้นปี 2023 ที่ผ่านมา
ด้านผลสำรวจโกโก้ของ Reuters เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าการขาดดุลโกโก้ทั่วโลกอยู่ที่ 375,000 ตันในฤดูกาล 2023/24 ซึ่งมากกว่า 2 เท่าที่ระบุไว้ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือนสิงหาคม และถือเป็นการขาดดุลติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
รายงานระบุว่า ราคาของเมล็ดโกโก้ที่เพิ่มขึ้นทำให้บรรดาผู้ผลิตช็อกโกแลตเริ่มพิจารณาแนวทางปรับขึ้นราคาและกระตุ้นยอดขาย ยกตัวอย่างเช่น Hershey ที่คาดว่าจะเห็นความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ชะลอตัวลงอีก โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าที่มีสถานะทางการเงินที่อ่อนไหว หลังจากที่ปริมาณการขายลดลง 6.6% ในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา
ในฐานะบริษัทช็อกโกแลตยักษ์ใหญ่ Hershey ยังยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ราคาโกโก้ที่สูงขึ้นอาจจำกัดการเติบโตของกำไรในปีนี้ของบริษัท
ภาพ: Frederick Bass / Getty Images
อ้างอิง: