×

รู้จักร่างกฎหมายต่อต้านอาชญากรรมจากความเกลียดชัง ความพยายามใหม่ของสหรัฐอเมริกาในการยุติ Hate Crimes ต่อคนเชื้อสายเอเชีย

28.04.2021
  • LOADING...
รู้จักร่างกฎหมายต่อต้านอาชญากรรมจากความเกลียดชัง ความพยายามใหม่ของสหรัฐอเมริกาในการยุติ Hate Crimes ต่อคนเชื้อสายเอเชีย

HIGHLIGHTS

2 mins. read
  • ร่างกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ต้องจัดตั้งหน่วยงานพิเศษมาจัดการคดีอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชัง เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
  • ขณะที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะจัดสรรเงินงบประมาณให้รัฐบาลมลรัฐจัดตั้งหน่วยงานในลักษณะเดียวกัน พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณเพื่อฝึกอบรมเพิ่มความพร้อมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้สามารถรับมือกับเคสอาชญากรรมลักษณะนี้ได้

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วุฒิสภาของสหรัฐอเมริกาได้ผ่านร่างกฎหมายต่อต้านอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชัง (Hate Crimes) ที่มีต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยมีเพียงสมาชิกวุฒิสภาจากมลรัฐมิสซูรีเพียงคนเดียวที่ออกคะแนนเสียงคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ และร่างกฎหมายนี้จะถูกนำมาพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรเป็นลำดับถัดไป โดยที่ผู้นำของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรอย่าง แนนซี เพโลซี มั่นใจว่าพรรคมีเสียงสนับสนุนในมือมากพอที่จะผ่านร่างกฎหมายนี้ในสภาล่าง ก่อนที่จะยื่นเสนอให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามรับรองออกมาเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการในอีกไม่เกินหนึ่งเดือนข้างหน้า

 

เราไปดูที่มาที่ไปและทำความรู้จักร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ดียิ่งขึ้นกัน 

 

เมื่อจีนคือศัตรูร่วม

การถูกมองเป็น ‘คนอื่น’ ของชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียนั้นมีมาช้านานตั้งแต่ยุคสมัยที่ชาวจีนรุ่นแรกอพยพมาเป็นแรงงานในยุคสมัยของการตื่นทอง จนมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่รัฐบาลของสหรัฐฯ จับชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นไปกักขังไว้ในค่ายกักกัน ด้วยความกลัวที่ว่าชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นเหล่านั้นจะทำหน้าที่เป็นสปายให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น

 

กระแสการต่อต้านชาวเอเชียปะทุขึ้นมาอีกครั้งในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะเขาได้ชูนโยบายแข็งกร้าวกับประเทศจีนมาเป็นจุดขายในการหาเสียง ทรัมป์พยายามปลุกกระแสชาตินิยมกับหมู่แรงงานผิวขาว ซึ่งเป็นฐานเสียงของเขา โดยการใช้ประเทศจีนเป็นศัตรูร่วม ทรัมป์เน้นย้ำมาโดยตลอดว่า รัฐบาลจีนใช้นโยบายการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม มีการทุ่มตลาด มีการบิดเบือนค่าเงิน ละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จนทำให้สินค้าจากจีนมีราคาถูกมาก ทำให้สินค้าจากสหรัฐอเมริกาสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และเมื่อเขาชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ทรัมป์ก็ได้ประกาศสงครามการค้ากับรัฐบาลจีนเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่แรงงานผิวขาว

 

การมาถึงของ ‘Chinese Virus’

กระแสเกลียดชังชาวอเมริกันเชื้อสายจีน (และชาวเอเชียโดยรวม) ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ภายหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองอู่ฮั่นของจีน โดยเฉพาะเมื่อประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้นอย่างทรัมป์ พยายามใช้รัฐบาลจีนเป็นแพะรับบาปต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ (ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ปัญหาเกิดจากความล้มเหลวในการจัดการการระบาดตั้งแต่จำนวนเคสในประเทศยังมีไม่มากของรัฐบาลของทรัมป์เอง) ทรัมป์ทวีตตำหนิรัฐบาลจีนว่าไม่มีความโปร่งใสในการบริหารจัดการระบาดและจงใจปกปิดข้อมูล จนทำให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดไปทั่วโลก ที่สำคัญเขายังใช้คำศัพท์ที่กระตุ้นความเกลียดชังต่อชาวจีนอย่างคำว่า Chinese Virus (ไวรัสจีน) และ Kung Flu (ที่พ้องเสียงกับคำว่ากังฟู) อยู่เสมอๆ 

 

ผลจากกระแสความเกลียดชังที่สูงขึ้นในยุคของทรัมป์ ทำให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดอันเกิดจากการใช้ความรุนแรงต่อชาวเอเชียหลายต่อหลายเหตุการณ์ เช่น เหตุการณ์ที่ชาวไทยอย่างวิชาถูกทำร้ายที่เมืองซานฟรานซิสโกจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาจากอาการเลือดออกในสมอง, เหตุการณ์ที่หญิงชาวอเมริกันเชื้อสายจีนถูกขว้างปาสิ่งของใส่และถูกผลักจนล้มลงบนทางเท้าในย่านควีนส์ของเมืองนิวยอร์ก จนมาถึงเหตุการณ์ที่มีการกราดยิงหญิงเชื้อสายเอเชียในมหานครแอตแลนตา จนมีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย ซึ่งหนังสือพิมพ์ New York Times ได้รวบรวมสถิติของอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชัง และพบว่า เกิดอาชญากรรมในลักษณะนี้มากกว่า 100 ครั้งแล้วนับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19

 

กฎหมายต่อต้านอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชัง

เหตุการณ์กราดยิงหญิงเชื้อสายเอเชียในมหานครแอตแลนตา เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่กระตุ้นให้รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาต้องขยับตัวทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ และในที่สุดพรรคเดโมแครตภายใต้การผลักดันของ ส.ว. หญิงเชื้อสายญี่ปุ่นอย่าง เมซี ฮิโรโนะ (1 ใน 2 ส.ว. เชื้อสายเอเชีย ร่วมกับ ส.ว. แทมมี ดักเวิร์ธ ผู้มีเชื้อสายไทย) ก็สามารถผลักดันร่างกฎหมายต่อต้านอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชังผ่านสภาสูงออกมาได้

 

ร่างกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ต้องจัดตั้งหน่วยงานพิเศษมาจัดการคดีอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชัง เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความรวดเร็ว 

 

นอกจากนี้จะมีการตั้งฮอตไลน์ให้ประชาชนสามารถรายงานการเกิดอาชญากรรมในรูปแบบนี้ได้โดยตรง 

 

ขณะที่รัฐบาลกลางจะจัดสรรเงินงบประมาณให้รัฐบาลมลรัฐจัดตั้งหน่วยงานในลักษณะเดียวกัน พร้อมทั้งจะจัดสรรงบประมาณเพื่อฝึกอบรมเพิ่มความพร้อมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้สามารถรับมือกับเคสอาชญากรรมในลักษณะนี้ได้ รวมทั้งรณรงค์กับประชาชนทั่วไปให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจ 

 

“ดิฉันไม่สามารถบอกทุกท่านได้เลยว่า กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญกับชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมากขนาดไหน มันเป็นเวลานานมากแล้วเหลือเกินที่พวกเราไม่มีตัวตนและถูกมองเป็นคนอื่นในประเทศของตัวเอง กฎหมายฉบับนี้จึงเหมือนเป็นคำมั่นสัญญาว่า รัฐบาลจะอยู่เคียงข้างพี่น้องชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และรัฐจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกคุณจากอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชัง” ส.ว. ฮิโรโนะ ให้สัมภาษณ์ด้วยความตื้นตันใจ หลังเธอผลักดันกฎหมายนี้ผ่านสภาสูงได้สำเร็จ

 

ภาพ: Spencer Platt / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising