มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศว่า สหรัฐฯ จะใช้มาตรการจำกัดวีซ่าต่อชาวต่างชาติที่ถูกพิจารณาว่าลิดรอนสิทธิ หรือร่วมกันเซ็นเซอร์ชาวอเมริกัน พร้อมทั้งระบุว่า นโยบายใหม่นี้อาจมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ควบคุมดูแลบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
แม้รูบิโอจะไม่ระบุกรณีเซ็นเซอร์ใดโดยเฉพาะ แต่บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และรัฐบาลทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรยุโรปว่ามีการเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การห้ามเจ้าหน้าที่ต่างชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯ ถือเป็นการยกระดับมาตรการของรัฐบาลทรัมป์ 2.0
รูบิโอเขียนข้อความผ่านทาง X (Twitter) ว่า “เป็นเวลานานเกินไปแล้วที่ชาวอเมริกันต้องถูกปรับ ถูกคุกคาม หรือแม้กระทั่งถูกดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่ต่างชาติ เพียงเพราะใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของตนเอง
“วันนี้ผมขอประกาศนโยบายจำกัดวีซ่าใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับเจ้าหน้าที่และบุคคลต่างชาติที่มีส่วนร่วมในการเซ็นเซอร์ชาวอเมริกัน ซึ่งเสรีภาพในการพูดเป็นหัวใจของวิถีชีวิตแบบอเมริกัน เป็นสิทธิที่ติดตัวตั้งแต่เกิด ซึ่งรัฐบาลต่างชาติไม่มีอำนาจใดๆ เหนือสิทธินี้”
รูบิโอยังระบุด้วยว่า “ชาวต่างชาติที่พยายามบ่อนทำลายสิทธิของชาวอเมริกันไม่ควรได้รับสิทธิพิเศษในการเดินทางเข้าสู่ประเทศของเรา ไม่ว่าจะอยู่ในลาตินอเมริกา ยุโรป หรือที่ใดก็ตาม ยุคของการเพิกเฉยต่อผู้ที่พยายามลิดรอนสิทธิของชาวอเมริกันได้สิ้นสุดลงแล้ว”
ขณะที่ เจ. ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฎหมายควบคุมเนื้อหาเป็น ‘การเซ็นเซอร์ที่เผด็จการ’ โดยกฎหมายหลายฉบับที่ประกาศใช้ในยุโรปถูกใช้เพื่อ ‘ปิดเสียงผู้เห็นต่าง’
ทางด้าน ซามูเอล แซมสัน ที่ปรึกษาอาวุโสด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงาน สังกัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า “ยุโรปไม่เพียงล้มเหลวในการส่งเสริมประชาธิปไตย แต่ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการเซ็นเซอร์ดิจิทัล การอพยพครั้งใหญ่ การจำกัดเสรีภาพทางศาสนา และการโจมตีหลักการปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตย” ซึ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเป็นหนึ่งในประเด็นที่รัฐบาลทรัมป์ 2.0 ให้ความสำคัญ
ก่อนหน้านี้รูบิโอก็เพิ่งจะลงนามในเอกสารภายใน สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับการนัดหมายเพื่อขอวีซ่านักเรียนและวีซ่าแลกเปลี่ยนทั้งหมดเป็นการชั่วคราว โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะออกแนวทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ‘การตรวจสอบโซเชียลมีเดียแบบขยาย’ สำหรับผู้สมัครวีซ่าทุกประเภทในกลุ่มนี้ โดยยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัดว่าจะใช้เวลานานเพียงใด ซึ่งกลุ่มนักเรียนต่างชาติที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น นักเรียนนักศึกษาชาวจีนที่อาจเกี่ยวพันกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือมีจุดยืนที่ต่อต้านยิว จะเป็นอีกหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่เห็นได้ชัดที่สุดของนโยบายจำกัดวีซ่าสหรัฐฯ ขณะนี้
ภาพ: Jonathan Ernst / Reuters
อ้างอิง: