ถึงแม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ข้อพิพาทระหว่างมหาอำนาจเศรษฐกิจเบอร์ 1 กับประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (EU) ยังคงตึงเครียด โดยล่าสุดวานนี้ (1 ก.ค.) คณะบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเตรียมพิจารณาบังคับใช้มาตรการภาษีกับสินค้าจากสหภาพยุโรปเพิ่มอีก 89 รายการ ครอบคลุมมูลค่าการค้า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
ชนวนความขัดแย้งที่ทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจดำเนินมาตรการกับ EU เป็นปัญหาที่สะสมมาจากกรณีที่สหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) หลังพบว่า EU อุดหนุนการค้าบริษัท Airbus ผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของยุโรป ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Boeing อย่างไม่ยุติธรรม
สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ระบุว่า สืบเนื่องจากปัญหาที่ยืดเยื้อกรณีการอุดหนุนเครื่องบิน Airbus ของ EU ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจพิจารณาขึ้นภาษีกับสินค้า EU เพิ่มเติมอีก 89 รายการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ชีสและพาสต้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สกอตวิสกี้และไอริชวิสกี้ ตลอดจนเคมีภัณฑ์และโลหะ
ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน สหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนตั้งกำแพงภาษีกับสินค้า EU บางส่วนด้วยเหตุผลเดียวกัน ส่งผลให้มูลค่าสินค้าทั้งหมดที่อาจถูกเรียกเก็บอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ EU ก็พิจารณามาตรการภาษีตอบโต้ โดยอ้างว่า สหรัฐฯ ก็อุดหนุนการค้าบริษัท Boeing ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ในสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
ที่ผ่านมา การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และ EU มีความคืบหน้าน้อยมาก หลัง ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ตกลงที่จะเจรจาข้อตกลงการค้าตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
