นักวิเคราะห์จาก Wall Street เริ่มปรับลดคาดการณ์การเติบโตของกำไรปีหน้าของบริษัทในสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของดัชนี S&P 500 ชะลอตัว
ข้อมูลจาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า ตัวชี้วัด Earnings-Revision Momentum ซึ่งเป็นดัชนีที่วัดการปรับขึ้นและลงของคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ 274 ดอลลาร์ จากที่เคยถูกคาดการณ์ขึ้นไปถึง 279.7 ดอลลาร์เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
โดยคาดการณ์กำไรที่ 274 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ามุมมองเมื่อปีก่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่ากำไรต่อหุ้นจะถูกปรับลดประมาณการลง แต่ยังเป็นการเติบโตได้ 15% จากปีนี้ แต่ปัญหาคือการเติบโตของกำไรในปีถัดๆ ไปอาจชะลอลงต่อเนื่อง และไม่เพียงพอต่อความคาดหวังของนักลงทุนบนตลาดกระทิง
ปัจจุบันดัชนี S&P 500 มี P/E 22 เท่าของคาดการณ์กำไรใน 12 เดือนข้างหน้า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 18.4 เท่า
อดัม ฟิลลิปส์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอของ EP Wealth Advisors ระบุว่า “การลดดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่คาดอาจสร้างแรงกดดันต่อความคาดหวังด้านกำไรที่สูงในไตรมาสถัดๆ ไป”
กำไรของบริษัทต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มุมมองเชิงลบต่อการเติบโตของกำไรอาจกระทบต่อการปรับตัวขึ้นของ S&P 500 โดยเฉพาะหลังจากปีนี้ที่ดัชนีเพิ่มขึ้นกว่า 20% จนทำให้หุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่าแพงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2021
จีนา มาร์ติน อดัมส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านหุ้นจาก Bloomberg Intelligence กล่าวว่า “ตลาดกำลังเผชิญความเสี่ยงต่อการปรับตัวลง โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองในปี 2025 คือ การผ่อนคลายนโยบายของ Fed และการเติบโตของกำไรที่อาจไม่กระจายไปถึงกลุ่มที่ไม่ใช่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่”
แม้จะมีการปรับลดคาดการณ์ในระยะยาว แต่นักวิเคราะห์ยังคาดว่า กำไรไตรมาส 3 ของบริษัทใน S&P 500 จะเติบโต 8.5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงปรับลดคาดการณ์ EPS ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากผู้บริหารหลายบริษัทให้มุมมองที่ไม่ชัดเจนหรือหลีกเลี่ยงการคาดการณ์อนาคต ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และนโยบายการคลังในสหรัฐฯ
อ้างอิง: