วานนี้ (18 พฤษาคม) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศว่า ธงชาติสหรัฐฯ ได้รับการชักขึ้นสู่ยอดเสาที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน หลังทางการสหรัฐฯ ตัดสินใจเปิดทำการสถานทูตอีกครั้ง หลังจากต้องปิดทำการและย้ายเจ้าหน้าที่ทางการทูตไปยังเมืองลวิฟ ทางภาคตะวันตกของประเทศ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ให้คำมั่นพร้อมยืนเคียงข้างและสนับสนุนประชาชนชาวยูเครน
โดยสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่มีแผนจะกลับมาเปิดสถานทูตในเมืองหลวงของยูเครนอีกครั้ง นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียเปิดฉากทำสงครามรุกรานยูเครนมานานเกือบ 3 เดือนแล้ว ซึ่งการกลับมาเปิดทำการสถานทูตในกรุงเคียฟ นับเป็นความพยายามก้าวสำคัญและเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า สหรัฐฯ จะร่วมสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้ที่อาจจะยืดเยื้อยาวนานครั้งนี้
บลิงเคนระบุว่า “วันนี้ เรากลับมาเปิดทำการสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมาประชาชนชาวยูเครนได้ร่วมกันปกป้องแผ่นดินบ้านเกิดจากการรุกรานของรัสเซีย โดยได้รับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงจากเรา ในท้ายที่สุด ดวงดาวและแถบสีบนธงชาติสหรัฐฯ ก็ได้โบกสะบัดอยู่เหนือสถานทูตอีกครั้ง เราจะร่วมยืนหยัดสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนชาวยูเครน เพื่อช่วยพวกเขาปกป้องประเทศจากการรุกรานของรัสเซียต่อไป
3 เดือนที่ผ่านมา เราลดธงเหนือสถานทูตในกรุงเคียฟลง เพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่กองทัพรัสเซียจะข้ามพรมแดนเข้าสู่ยูเครน ตามคำสั่งรุกรานของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อเราระงับการเปิดทำการของสถานทูตลงชั่วคราว เราได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า การเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ทางการทูตเป็นไปเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยและความมั่นคง แต่ในขณะเดียวกันการตัดสินใจดังกล่าวจะไม่มีทางปกป้อง ส่งมอบความร่วมมือหรือแรงสนับสนุนให้กับประชาชนชาวยูเครน รัฐบาลและภาคประชาคม รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนต่างๆ ของเราได้เลย
เรายังคงเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ให้คำมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไป และจะกลับมาเริ่มทำงานในวันที่เราสามารถเดินทางกลับมาที่กรุงเคียฟได้ และวันนั้นมาถึงแล้ว”
โดยบลิงเคนยังชี้อีกว่า แม้จะกลับมาเปิดทำการสถานทูตภายในกรุงเคียฟแล้ว แต่ทางการสหรัฐฯ ก็ยังคงจะต้องคำนึงถึงมาตรการด้านความปลอดภัย หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นอีกในอนาคต
“เรายืนหยัดที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า สงครามโหมกระหน่ำของกองทัพรัสเซีย ทำให้ผู้คนต้องบาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมาก ขอบเขตความเสียหายขยายตัวเป็นวงกว้างทุกวัน ชาวยูเครนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นจากบ้านและโศกเศร้ากับการสูญเสียคนที่รักด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เราจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวยูเครน รัฐบาลยูเครนและย้ายเจ้าหน้าที่ทางการทูตกลับมายังสถานทูตในเมืองหลวงแห่งนี้อีกครั้ง”
ภาพ: Sergei Supinsky / AFP
อ้างอิง:
