วิกตอเรีย นูแลนด์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าพบกับผู้นำกลุ่มทหารไนเจอร์ ที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด บาซูม เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นูแลนด์เผยว่า “บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และผู้นำระดับสูงของกลุ่มคณะรัฐประหารไนเจอร์มีความตรงไปตรงมาอย่างมาก และบ่อยครั้งก็ค่อนข้างยากลำบาก” โดยทางการสหรัฐฯ ยังคงยืนยันว่า เหตุรัฐประหารครั้งนี้ยังสามารถยุติลงได้ด้วยวิธีทางการทูต และคืนอำนาจให้กับประธานาธิบดีบาซูม แต่ในระหว่างนี้นั้น ทางการสหรัฐฯ อาจจำเป็นต้องระงับการมอบเงินช่วยเหลือให้กับไนเจอร์ชั่วคราว
ขณะที่บรรดาผู้นำกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจรัฐแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) เตรียมหารือเกี่ยวกับการก่อรัฐประหารในไนเจอร์ในวันพฤหัสบดีนี้ (10 สิงหาคม) หลังคณะรัฐประหารไนเจอร์เมินเส้นตายที่กลุ่ม ECOWAS เคยประกาศไว้ว่า หากคณะรัฐประหารไม่ยอมคืนให้อำนาจให้กับประชาชนชาวไนเจอร์ ภายในวันอาทิตย์ (6 สิงหาคม) ไนเจอร์อาจต้องเผชิญกับการแทรกแซงทางทหารจากต่างประเทศ
นูแลนด์ยังระบุอีกว่า หลังจากที่เจรจาหารือกับ พล.จ. มุสซา ซาเลา บาร์มู ผู้บัญชาการกองทัพไนเจอร์คนใหม่ นานกว่า 2 ชั่วโมง ทางการสหรัฐฯ ได้เสนอมอบความช่วยเหลือให้ไนเจอร์ หากกลุ่มคนผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อเรื่องนี้มีความต้องการที่จะกลับไปสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ
ขณะนี้บาซูมยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของคณะรัฐประหาร ซึ่งก่อนหน้านี้มีการพูดคุยโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ อยู่บ้าง โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้คณะรัฐประหารปล่อยตัวบาซูมโดยเร็ว
นอกจากนี้นูแลนด์ยังแสดงความกังวลถึงกรณีที่คณะรัฐประหารไนเจอร์ร้องขอให้กลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์จากรัสเซียเข้าช่วยควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองไนเจอร์จะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหากกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์เข้ามาร่วมวงความขัดแย้งทางการเมืองในครั้งนี้
เบื้องต้น ผู้นำคณะรัฐประหารไนเจอร์ดูเหมือนจะไม่ส่งสัญญาณแสดงความเต็มใจที่จะก้าวลงจากตำแหน่งและคืนอำนาจให้กับประชาชนในเร็ววันนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในหลายมิติตามมา โดยไนเจอร์ถือเป็นประเทศส่งออกยูเรเนียมรายใหญ่ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญของพลังงานนิวเคลียร์ อีกทั้งรัฐบาลไนเจอร์ภายใต้การนำของบาซูมยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยพันธมิตรตะวันตกต่อต้านกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่พยายามจะขยายอำนาจและอิทธิพลบริเวณภูมิภาคซาเฮลของทวีปแอฟริกา
อ้างอิง: