จับตา ประชุมการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่กรุงลอนดอน หวังหารือประเด็นส่งออก

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประชุมหารือกับผู้แทนระดับสูงของจีนที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรในวันนี้ (9 มิถุนายน) ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้าที่ส่งผลให้การค้าระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงตลาดโลกตึงเครียดอย่างมากตั้งแต่ช่วงต้นปี 2025 โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ

ทรัมป์ได้ส่งทีมผู้แทนสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ, ฮาวเวิร์ด ลัตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ และ เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ร่วมเจรจากับผู้แทนจีน ซึ่งนำทีมโดย เหอลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ

นับเป็นความพยายามครั้งสำคัญของทั้งสองประเทศ หลังจากการประชุมระหว่างผู้แทนระดับสูงสหรัฐฯ-จีน ครั้งแรกที่จัดขึ้นที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา บรรลุข้อตกลงชั่วคราว เพื่อลดภาษีระหว่างกันเป็นระยะเวลา 90 วัน

อีกทั้งการเจรจาครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ และสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้พูดคุยหารือกันผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการประกาศใช้นโยบายภาษีโจมตีกัน โดยผู้นำทั้งสองประเทศต่างตกลงที่จะเดินทางเยือนกันและกัน และให้เจ้าหน้าที่จัดการประชุมเจรจาระหว่างกันขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาและผ่อนคลายความตึงเครียด

หลายฝ่ายเฝ้าจับตามองว่า อาจมี ‘ดีลใหญ่’ หรือ ‘ผลลัพธ์เชิงบวก’ เกิดขึ้นจากการเจรจาหารือครั้งนี้ เพื่อกรุยทางไปสู่การพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในอนาคต โดยการเจรจารอบนี้จะเน้นหนักไปที่ประเด็นควบคุมการส่งออกโดยเฉพาะแร่หายาก (Rare Earths) และเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกโซ่อุปทานทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงชั่วคราวที่เจนีวายังไม่สามารถแก้ไขประเด็นความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศได้อย่างรอบด้าน เช่น การลักลอบค้ายาเสพติด fentanyl, กรณีไต้หวัน และความกังวลของสหรัฐฯ ที่มีต่อโมเดลเศรษฐกิจจีนที่รัฐควบคุมและมุ่งเน้นการส่งออก

ทรัมป์เคยขู่ว่าจะใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับหลายประเทศ แต่ก็ยกเลิกบางมาตรการในนาทีสุดท้าย พฤติกรรมที่ ‘ไม่แน่นอน’ นี้ ทำให้ผู้นำโลกและนักธุรกิจต่างต้องหาทางรับมือกับความไม่แน่นอนและยากจะคาดเดาเหล่านี้

ขณะที่จีนมองว่า การส่งออกแร่เป็นเครื่องมือในการสร้างอำนาจต่อรอง หากจีนหยุดส่งออกแร่เหล่านี้ อาจก่อให้เกิดแรงกดดันทางการเมืองภายในต่อทรัมป์ หากเศรษฐกิจชะลอตัวเพราะบริษัทต่างๆ ไม่สามารถผลิตสินค้าที่ใช้แร่เหล่านี้ได้ นี่เป็นแรงขับสำคัญที่เร่งให้ทีมสหรัฐฯ ต้องเจรจาหารือกับจีนในประเด็นนี้

แฟ้มภาพ: Martial Trezzini / Handout via Reuters

อ้างอิง: