สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับการอนุญาตให้ Nvidia Corp. ส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์รุ่น H200 ไปยังประเทศจีน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แม้จะเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งและอาจถูกมองว่าเป็นการยอมอ่อนข้อให้กับปักกิ่งก็ตาม
แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ทีมงานของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการพูดคุยภายในเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเกี่ยวกับการจัดส่งชิป H200 แต่ย้ำว่ายังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย และเป็นไปได้สูงที่แนวคิดนี้อาจเป็นเพียงการถกเถียงภายในโดยไม่นำไปสู่การอนุมัติใบอนุญาตจริง ซึ่งเป็นข้อกำหนดภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออกที่วอชิงตันเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2022
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่การพิจารณาเรื่องนี้ก็นับว่าแตกต่างจากจุดยืนเดิมต่อสาธารณะของรัฐบาลทรัมป์อย่างสิ้นเชิง และถือเป็นความสำเร็จของ เจนเซน หวง ซีอีโอของ Nvidia ที่ได้ล็อบบี้ทีมงานของทรัมป์อย่างหนักเพื่อขอผ่อนปรนมาตรการควบคุม โดยอ้างว่าการจำกัดการส่งออกอาจส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในระยะยาว
ฮาร์ดแวร์ของ Nvidia ถือเป็นบรรทัดฐานหลักที่วงการพัฒนา AI ทั่วโลกเลือกใช้ ส่งผลให้ชิปของบริษัทกลายเป็นชิ้นส่วนที่บริษัทต่างๆ ‘ปรารถนามากที่สุด’ เพื่อนำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับฝึกฝนและรันโมเดล AI ซึ่งการที่สามารถเข้าไปทำตลาดในจีนได้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยรักษาตำแหน่งผู้นำของบริษัทเอาไว้
Nvidia ระบุในแถลงการณ์ว่า กฎระเบียบปัจจุบันทำให้บริษัทไม่สามารถเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับ ‘Data Center’ ที่แข่งขันได้ในจีน ซึ่งเท่ากับเป็นการ “ปล่อยให้ตลาดขนาดใหญ่นั้นตกเป็นของคู่แข่งต่างชาติที่เติบโตอย่างรวดเร็ว”
ในขณะเดียวกัน เพื่อโต้แย้งข้อกังวลของฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ที่เกรงว่าการขายชิปให้จีนจะทำให้สินค้าในประเทศขาดแคลน Nvidia จึงยืนยันว่า “การที่เราไม่สามารถเข้าถึงตลาด Data Center ในจีนได้นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าในสหรัฐฯ แต่อย่างใด”
หากมีการอนุมัติจริง การขายชิป H200 จะถือเป็นการผ่อนปรนข้อจำกัดทางการค้าที่สำคัญ โดยชิป H200 นั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าโปรเซสเซอร์ H20 ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตลาดจีนโดยเฉพาะและเป็นรุ่นที่ก้าวหน้าที่สุดที่สหรัฐฯ อนุญาตให้ส่งออกในปัจจุบัน แต่ทั้งคู่ยังคงใช้เทคโนโลยี Hopper รุ่นก่อนหน้า ไม่ใช่ตระกูล Blackwell รุ่นล่าสุด
การขาย H200 ให้จีนถูกมองโดยบางคนในรัฐบาลทรัมป์ว่าเป็น ‘ทางเลือกที่ประนีประนอม’ มากกว่าการเสนอขายชิป Blackwell ซึ่งถูกคัดค้านอย่างหนักโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูง เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเกินไปจนกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยเปรยถึงความเป็นไปได้ในการหารือเรื่องการส่งออกชิป Blackwell กับผู้นำจีน สี จิ้นผิง แม้หัวข้อนี้จะไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาในการเจรจาล่าสุด แต่ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง ก็กล่าวว่า เขาพอจะนึกภาพการส่งออกชิป Blackwell ไปจีนได้เมื่อมันไม่ใช่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดแล้ว ซึ่งอาจเป็นในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า
ในขณะที่ ฮาวเวิร์ด ลูทนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ ได้ให้เหตุผลสนับสนุนกลยุทธ์การส่งออกชิปเหล่านี้ว่า เป็นการทำให้จีน ‘เสพติด’ เทคโนโลยีของอเมริกัน ซึ่งจะทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของจีนในระยะยาว โดยยืนยันว่าจะไม่ขาย “ของที่ดีที่สุดของเรา หรือแม้แต่ของที่ดีรองลงมา” ให้กับจีน แต่จะขายเพียงเทคโนโลยีที่ตกรุ่นแล้วเท่านั้น
ทางด้านรัฐบาลปักกิ่งได้ออกมาคัดค้านมาตรการจำกัดของวอชิงตันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งเรื่องชิปขั้นสูงและเครื่องมือการผลิต แต่ถึงอย่างนั้น บริษัทจีนรายใหญ่ส่วนมากก็ยังคง ‘เลือกที่จะใช้ชิปของ Nvidia’ มากกว่าตัวเลือกภายในประเทศที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนเองก็พยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ โดยผลักดันให้บริษัทในประเทศหันไปใช้ฮาร์ดแวร์ AI ที่ผลิตเองจากบริษัทอย่าง Huawei Technologies Co. ซึ่งกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อไล่ตามให้ทัน และทางการจีนยังได้สั่งห้ามไม่ให้บริษัทในประเทศใช้ชิป H20 ของ Nvidia อีกด้วย
นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าวยังมีความซับซ้อนจากข้อตกลงที่คลุมเครือก่อนหน้านี้ ที่สหรัฐฯ อนุมัติการส่งออกชิป H20 แลกกับส่วนแบ่งรายได้ 15% ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นข้อตกลงที่น่ากังขาทางกฎหมาย และยังมีการเชื่อมโยงกับข่าวลือเรื่องการแลกเปลี่ยนกับการเข้าถึงแร่หายากจากจีน ซึ่งยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน
ความเคลื่อนไหวนี้อาจเผชิญแรงต้านสำคัญจากสภาคองเกรส โดยกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาจากทั้งสองพรรคกำลังร่างกฎหมายที่จะบังคับให้กระทรวงพาณิชย์ปฏิเสธคำขอใบอนุญาตสำหรับการส่งออกชิปที่ถูกจำกัดไปยังจีนทั้งหมด ซึ่งหากร่างกฎหมายนี้ผ่านออกมาบังคับใช้ การหารือเรื่อง H200 ของทีมทรัมป์ก็จะกลายเป็นประเด็นที่ ‘ไม่มีผลในทางปฏิบัติ’ ทันที
ภาพ: Andrew Sozinov / Shutterstock
อ้างอิง:


