×

Us and Them ภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณเสียน้ำตาและเรียนรู้ความหมายคำว่ารัก

17.07.2018
  • LOADING...

“พอหาเงินก้อนแรกได้ ฉันรีบไปซื้อบ้านเลยนะ…

“ฉันทำให้เธอสมหวังได้ แบบนี้มันไม่เรียกว่ารักเหรอ”

 

เราอาจต้องใช้ทั้งชีวิตเรียนรู้คำว่า ‘รัก’


และนี่คือภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าความยาว 1.59 ชั่วโมงที่บอกเล่าเรื่องรักของ หลิงเจียงเฉวี่ยน (จิ่งโป้วหลาน) และฟางเสียวเสี่ยว (โจวเต้าหยุน) หนุ่มสาวที่พบกันบนรถไฟกลับบ้านเกิดช่วงตรุษจีนในปี 2007 ทั้งคู่ใช้เวลา 11 ปีจากเพื่อนเป็นแฟน สู้ชีวิต ปากกัดตีนถีบ หัวเราะ ร้องไห้ สู่ความเฉยชา เลิกรา และกลับมาพบกันอีกครั้ง

 

Us and Them หรือชื่อภาษาจีนว่า 后来的我们 เข้าฉายในประเทศจีนปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำรายได้เปิดตัววันแรก 45.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำรายได้สองสัปดาห์ราว 150.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และทำรายได้ตลอดการฉาย 202 ล้านเหรียญสหรัฐ ล่าสุด Netflix ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาฉายมากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก

 

ตัวอย่างภาพยนตร์ Us and Them

 

 

Us and Them คือภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับหญิง เรเน่ หลิว นักร้องและนักแสดงชาวไต้หวัน ผลงานการแสดงของเธอก่อนหน้านี้ เช่น The Personals (1998) และ A World Without Thieves (2004) การรับหน้าที่ผู้กำกับครั้งนี้เป็นการรวมทีมกับมืออาชีพมากมายทั้ง มาร์ก ลีปิงบิง ช่างภาพที่เคยร่วมงานกับหว่องกาไวในภาพยนตร์ In the Mood for Love (2000) ร่วมด้วยนักแสดงดาวรุ่งอย่าง จิ่งโป้วหลาน และโจวเต้าหยุน ส่วนเพลงประกอบภาพยนตร์ Us ร้องโดยนักร้องชาวฮ่องกง อีสัน ชาน ที่ยังคงสร้างยอดวิวต่อเนื่องในยูทูบ

 

โจวเต้าหยุนให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “เรเน่จะร้องไห้เป็นคนแรกตอนที่นักแสดงเข้าฉากที่แสดงอารมณ์ ฉันว่าเธอโฟกัสและเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเรื่องราวได้อย่างน่าทึ่ง”

 

เพลงประกอบภาพยนตร์ Us โดย อีสัน ชาน

 

 

“สิ่งที่ฉันเหมือนกับเสียวเสี่ยวก็คือพวกเรากล้าที่จะรักและเกลียด มีแพสชันและความเข้มแข็ง คาแรกเตอร์ของเสียวเสี่ยวน่าจะใกล้เคียงกับคนจำนวนมาก เธอจากบ้านเกิดไปปักกิ่ง ต่อสู้เพื่อมีที่ยืนในสังคม ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากมือเปล่า แต่ฉันอาจจะโชคดีกว่าเธอ เพราะตอนฉันมาปักกิ่งก็ได้อยู่ในบังกะโลสภาพดีกว่าห้องใต้ดินในเรื่องหน่อย” – โจวเต้าหยุน

 

Us and Them ดำเนินเรื่องตัดสลับช่วงเวลาอดีต-ปัจจุบัน ในส่วนอดีตค่อยๆ ไล่เลียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละปี คล้ายๆ คนดูเติบโตไปพร้อมๆ กับตัวละครจากเมืองชนบทที่เหน็บหนาวไปไขว่คว้าตามหาฝันในปักกิ่ง และแม้จะเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างอึดอัดคับแคบ แต่ตัวละครทั้งสองกลับไม่ได้มานั่งฟูมฟาย เราเห็นความสู้ชีวิต ความเชื่อ และความหวังอยู่ในสายตาพวกเขา

 

นอกจากเส้นเรื่องที่ดำเนินไป ภาพและแสงเงาที่สวยมากยังช่วยสื่ออารมณ์ เราจะสังเกตเห็นความสว่างไสวในช่วงแรกของหนุ่มสาวที่เริ่มต้นชีวิตในเมืองใหญ่ ไปถึงความหม่นของโทนสีเมื่อความรักไม่ได้เป็นอย่างฝัน และการเลือกใช้ภาพขาว-ดำเล่าช่วงที่พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง

 

 

“ฉากที่เสียวเสี่ยวและเจียงเฉวี่ยนร้องไห้ด้วยกันในรถ ฉันจำมันได้ดี ตอนแรกฉันคิดว่าฉากนี้คงเต็มไปด้วยความเศร้า แต่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่ผู้กำกับอธิบายให้เราฟังอย่างใจเย็นว่าต้องร้องไห้ออกมาจากข้างใน เป็นความรู้สึกจริงๆ ที่สื่อออกมา ฉันเลยร้องไห้หนักที่สุดเท่าที่เคยร้องในรอบหลายปีนี้” – โจวเต้าหยุน

 

สิ่งสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงที่สมจริง เป็นธรรมชาติ และยังสอดคล้องกับคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงของตัวละครตลอด 10 ปี ในจุดนี้ต้องชื่นชมจิ่งโป้วหลานและโจวเต้าหยุน สองตัวละครหลักที่แบกหนังไว้ทั้งเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังสื่อสารความรู้สึกออกมาให้เราเชื่อและอินตามไปด้วยได้

 

ขณะที่สองตัวละครค่อยๆ เรียนรู้คำว่ารัก เป็นไปได้มากทีเดียวว่าวัยเยาว์ที่ยังไม่นิ่งพอจะเข้าใจ ทั้งคู่อาจจะเผลอทำความรักที่ดีหลุดลอยไปได้ง่ายๆ

 

 

“ในฐานะพ่อ ไม่ว่าลูกจะคบกับใครหรือไม่ว่าจะประสบความสำเร็จไหม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ฉันแค่หวังว่าเธอจะได้มีชีวิตในแบบที่เธอต้องการ และมีสุขภาพดี”

 

ระหว่างที่เติบโต มีคนรักอีกคนที่เราอาจหลงลืม พ่อของเจียงเฉวี่ยนเป็นตัวละครที่มาช่วยเติมเต็มเรื่องราว และเป็นมุมมองความรักอีกรูปแบบที่เป็นตัวแทนความรักแท้ๆ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน

 

พ่อของเจียงเฉวี่ยนเปิดร้านอาหารเล็กๆ ในเหยาเจียง เมืองชนบทที่อากาศหนาวเหน็บ ฝีมือการทำอาหารของเขาไม่เป็นรองใคร และทุกๆ ตรุษจีนคือการเตรียมอาหารไว้รองรับครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหาย ที่สำคัญคือลูกชายของเขา เมนูที่เห็นในหนังอยู่ทุกปีคือซาลาเปาไส้ถั่วกวนที่ลูกชายบ่นเบื่อและไม่เห็นความสำคัญ ความคิดของเขาคือการพาพ่อไปปักกิ่ง อยู่บ้านหลังใหญ่ สู่ความเจริญที่เขาคิดว่าพ่อจะมีความสุข

 

 

ช่วงท้ายของหนังนับเป็นไคลแมกซ์ที่สุด และคงมีหนังไม่กี่เรื่องที่จับคนดูให้อยู่หน้าจอจนกระทั่งเครดิตตอนจบไหลไปเรื่อยๆ แต่เรายังยินดีเฝ้าดูมันต่อ แล้วยังสอดคล้องกับเรื่องราวในหนังได้อย่างฉลาดคิด

 

และที่แน่นอน เครดิตจบไปนานแล้วจนหน้าจอมีตัวอย่างหนังเรื่องอื่นฉายต่อ เรายังนั่งจมไปกับโซฟา นึกถึงประเด็นใหญ่ที่หนังทิ้งให้เราคิดต่อ


ความรักแท้ๆ คืออะไร


ชีวิตทุกวันนี้มีความสุขพอที่ทำให้ยิ้มได้ทุกวันไหม


อะไรคือความหมายของการประสบความสำเร็จ


และเราได้บอก ‘รัก’ เอ่ยคำ ‘ขอโทษ’ ให้กับคนที่รักมากที่สุดแล้วหรือยัง

 

อ้างอิง:

FYI
  • ถ้าหากดู Us and Them จบแล้ว แนะนำให้ย้อนกลับไปดูภาพยนตร์คลาสสิก Comrades: Almost a Love Story หรือ เทียนมีมี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว (1996) ที่ใกล้เคียงกันประเด็นการต่อสู้ชีวิตในเมืองใหญ่ของชายหญิงที่มาจากชนบทและหวังจะประสบความสำเร็จ นอกจากเรื่องราวยังรวมถึงหลายๆ ฉากที่ทำให้นึกย้อนไปถึงการพบกันครั้งแรกบนรถไฟ เพื่อนกลายเป็นแฟน ห้องเช่าคับแคบ ฉากขี่จักรยาน การพลัดพราก และการกลับมาพบกันอีกครั้ง
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising