×

สหรัฐฯ ถอดจีนจากบัญชีประเทศปั่นค่าเงิน, ค่าเงินปอนด์ร่วงหลังแบงก์ชาติอังกฤษส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (14 ม.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
14.01.2020
  • LOADING...

 

  • กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ถอดจีนออกจากรายชื่อประเทศที่บิดเบือนค่าเงินแล้ว โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่สหรัฐฯ และจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ทำเนียบขาวในวันพุธที่ 15 มกราคม เวลา 11.30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือ 23.30 น. ตามเวลาไทย ด้าน สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เผยว่า “จีนมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่สหรัฐฯ วิตกกังวล นอกจากนี้จีนยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการลดค่าเงินเพื่อหวังผลด้านการแข่งขัน อีกทั้งสนับสนุนการดำเนินการที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ” นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ส่งผลให้ค่าเงินหยวนปรับตัวแข็งค่าราว 0.37% ซึ่งต่ำกว่า 6.90 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อวานนี้

 

  • เงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่า หลังแบงก์ชาติส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย Gertjan Vlieghe หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายธนาคารกลางอังกฤษ เผยสามารถลงมติลดดอกเบี้ย หากตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่วันศุกร์ที่ผ่านมา Silvana Tenreyro เจ้าหน้าที่ด้านนโยบายธนาคารกลางอังกฤษ ก็ออกมาสนับสนุนให้แบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ย หากตัวเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ส่งผลให้เงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าหลุด 1.30 ดอลลาร์ต่อปอนด์ อย่างไรก็ตาม มุมมองจากแบงก์ชาติอังกฤษเชื่ออุปสงค์ในประเทศจะฟื้นตัวหากอังกฤษยอมรับข้อตกลงการค้ากับยุโรป ซึ่งปัจจัยความไม่แน่นอนยังคงขึ้นอยู่กับกระบวนการ Brexit

 

  • จับตาตัวเลขนำเข้า-ส่งออกเดือนธันวาคมของจีน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะกลับมาขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าตัวเลขเดือนพฤศจิกายนที่หดตัว (-1.1%) โดยหดตัวต่อเนื่อง 4 เดือนที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขส่งนำเข้าเดือนพฤศจิกายนสามารถกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อย 0.3% จากที่หดตัวต่อเนื่องถึง 6 เดือน 

 

  • สหรัฐฯ เตรียมเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนธันวาคม โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (Core CPI) เดือนธันวาคมจะขยายตัว ณ ระดับเดียวกับเดือนก่อนหน้า (2.3%) เมื่อเทียบปีที่แล้ว โดยอัตราการขยายตัวของเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 2.0-2.4% โดยช่วงครึ่งปีหลังได้ปรับตัวขึ้นจาก 2.0% สู่ระดับสูงสุดที่ 2.4% ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาที่ระดับ 2.3% ในเดือนพฤศจิกายน

 

  • ความขัดแย้งตะวันออกกลางยังต้องจับตา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่ามีความเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก โดยมี 4 แห่งในภูมิภาคที่ตกเป็นเป้าโจมตี ทั้งนี้คำกล่าวอ้างดังกล่าวมีขึ้น ในวันเดียวกับที่กระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่ออิหร่าน ที่มุ่งเน้นไปที่ภาคการก่อสร้าง การผลิต การทำเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมสิ่งทอของอิหร่าน ทั้งยังครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่อิหร่านหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ และพันธมิตรในอิรักเมื่อวันที่ 8 มกราคม รวมถึงเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน

 

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้

  • ดัชนี Dow Jones ปรับตัวขึ้น ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq กลับมาทำ All Time High อีกครั้ง จากความคืบหน้าของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าในเฟสแรกในวันพุธนี้ สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงเล็กน้อยหลังสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีน (CAAM) คาดการณ์ยอดขายรถยนต์หดตัวลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกรถยนต์ขนาดใหญ่ ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงแรง นำโดย หุ้นเรโนลต์ของฝรั่งเศสที่ร่วงลงกว่า 2.82% 

 

  • ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันที่อาจลดลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาดูตัวเลขสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ ด้านราคาทองคำปรับตัวลงจากสถานการณ์ต่างๆ ทั่วโลกที่ดีขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อจับตาดูสถานการณ์ต่อไป

 

สหรัฐฯ

  • Dow 30 ปิดที่ 28881.48 เพิ่มขึ้น 57.71 (0.2%)
  • S&P 500 ปิดที่ 3284.3 เพิ่มขึ้น 18.95 (0.58%)
  • Nasdaq ปิดที่ 9261.92 เพิ่มขึ้น 83.06 (0.9%)

 

ยุโรป

  • DAX ปิดที่ 13451.52 ลดลง -31.79 (-0.24%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7617.6 เพิ่มขึ้น 29.75 (0.39%)
  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3779.68 ลดลง -9.84 (-0.26%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 23896.59 ลดลง -124.81 (-0.52%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 23850.57 เพิ่มขึ้น 110.7 (0.47%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6903.7 ลดลง -25.3 (-0.37%)
  • Shanghai ปิดที่ 3115.57 เพิ่มขึ้น 23.28 (0.75%)
  • SZSE Component ปิดที่ 11040.2 เพิ่มขึ้น 160.36 (1.47%)
  • China A50 ปิดที่ 14606.62 เพิ่มขึ้น 136.66 (0.94%)
  • Hang Seng ปิดที่ 28954.94 เพิ่มขึ้น 316.74 (1.11%)
  • Taiwan Weighted ปิดที่ 12113.42 เพิ่มขึ้น 88.77 (0.74%)
  • SET ปิดที่ 1580.63 ลดลง 0 (0%)
  • KOSPI ปิดที่ 2229.26 เพิ่มขึ้น 22.87 (1.04%)
  • IDX Composite ปิดที่ 6296.57 เพิ่มขึ้น 21.63 (0.34%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 41859.69 เพิ่มขึ้น 259.97 (0.62%)
  • PSEi Composite ปิดที่ 7776.77 ลดลง -20.87 (-0.27%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 58.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.88 (-1.49%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 64.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.7 (-1.08%)
  • ราคาทองคำปิดที่ 1550.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -9.65 (-0.62%)

FINNOMENA

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising