×

ยูเครนโจมตีโต้กลับรัสเซีย เกิดอะไรขึ้นบ้างจนถึงตอนนี้

โดย THE STANDARD TEAM
18.06.2023
  • LOADING...
ยูเครน

นับตั้งแต่ที่ยูเครนเริ่มปฏิบัติการบุกโจมตีสวนกลับรัสเซียเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจนถึงเวลานี้ การตอบโต้ดังกล่าวยังไม่เห็นผลมากอย่างที่ผู้สังเกตการณ์บางคนคาดการณ์ไว้ 

 

รายงานระบุว่า การโจมตีตอบโต้ได้ผลอยู่บ้างเล็กน้อยในพื้นที่ทางตอนใต้ เช่นซาปอริซเซีย ซึ่งถูกมองว่าเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับยูเครน เนื่องจากหากโต้กลับสำเร็จ อาจนำไปสู่การทำลายสะพานของรัสเซียที่เชื่อมระหว่างไครเมียกับแคว้นโดเนตสก์ทางตะวันออก

 

ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณว่า ยูเครนกำลังวางแผนขยายพื้นที่โจมตีตอบโต้ให้กว้างขึ้น ด้วยการหาทางรุกคืบทวงคืนพื้นที่รอบเมืองบัคมุตที่รัสเซียยึดครองไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เคียฟยังพยายามหาช่องโหว่จุดอื่นๆ ในภาคตะวันออก โดยแทนที่จะทุ่มกองพลไปที่แนวรบเดียว แต่ยูเครนกลับใช้ยุทธวิธีล่อกองกำลังของรัสเซียให้กระจายกำลังพลไปตามพื้นที่ต่างๆ 

 

กระจายกำลังจู่โจมจุดอ่อน

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (15 มิถุนายน) มิไคโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า เป้าหมายแรกคือการกวาดล้างหน่วยทหารเกณฑ์ของรัสเซียให้ได้มากที่สุด และ “เพิ่มแรงกดดันทางจิตวิทยาต่อกองทัพรัสเซียในขณะเดียวกัน” เขากล่าว ยูเครนกำลังทดสอบเพื่อดูว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่ที่อ่อนแอที่สุด

 

ปฏิบัติการดังกล่าวรวมถึงการจู่โจมรอบเมืองบัคมุต เพื่อบีบให้รัสเซียส่งกองกำลังมายังพื้นที่นี้มากขึ้น โดย โอเล็กซานเดอร์ เซอร์สกี ผู้บัญชาการทหารราบของยูเครน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 มิถุนายน) ว่า รัสเซียยังคงเดินหน้าเคลื่อนพลทหารบางส่วนจากหน่วยที่พร้อมรบมากที่สุดไปยังทิศทางของเมืองบัคมุต ซึ่งเป็นเมืองที่มอสโกต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือนในการสู้รบกว่าที่จะเข้ายึดครองได้ 

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยูเครนได้เปรียบในแง่ที่สามารถเลือกพื้นที่โจมตีได้ ขณะที่ฝ่ายรัสเซียต้องพยายามป้องกันแนวหน้าที่มีลักษณะคดเคี้ยวเป็นระยะทางยาวเกือบ 1,000 กิโลเมตร 

 

หวังมอสโกเดินเกมพลาด 

 

อย่างไรก็ตาม ภารกิจดังกล่าวยังคงเป็นงานยากสำหรับเคียฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนใต้ ซึ่งรัสเซียวางกองกำลังป้องกันไว้อย่างแน่นหนา และที่สำคัญคือ ยูเครนเสียเปรียบการสู้รบทางอากาศ โดยในขณะที่รัสเซียมีเวลาหลายเดือนในการเสริมการป้องกัน แต่ยูเครนกลับไม่เคยมีโอกาสที่จะได้รุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบแบบที่เคยทำได้ในคาร์คิฟก่อนหน้านี้

 

สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War: ISW) เตือนว่า ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป

 

“ยูเครนยังไม่ได้ใช้กองกำลังโจมตีตอบโต้อย่างเต็มรูปแบบ และการป้องกันของรัสเซียตามแนวรบก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปทุกจุด” ISW วิเคราะห์ในสัปดาห์นี้

 

รศ.แมทธิว ชมิดต์ รองศาสตราจารย์ด้านความมั่นคงแห่งชาติจากมหาวิทยาลัยนิวเฮเวน แสดงความเห็นในทำนองเดียวกัน และยอมรับว่ามีคำถามมากกว่าคำตอบในช่วงแรกนี้

 

“เห็นได้ชัดว่ายูเครนเพิ่งส่งกองกำลังเข้าร่วมเพียง 1 ใน 4 ส่วนที่เหลือกำลังทำอะไรอยู่? รัสเซียจะสับสนหรือไม่ว่ากองกำลังที่เหลือจะถูกส่งไปที่ไหน?” รศ.ชมิดต์ กล่าว 

 

ยูเครนกำลังหวังว่าหน่วยรบรัสเซียภายใต้การบัญชาการของเสนาธิการวาเลรี เจราสิมอฟ จะมองพลาดหรือวางแผนการรบผิดพลาด

 

มิก ไรอัน อดีตนายพลแห่งกองทัพออสเตรเลีย ตั้งข้อสังเกตว่า “มีคำกล่าวโบราณว่า ‘เมื่อศัตรูของคุณทำผิดพลาด อย่าขวางทางพวกเขา’ เจราสิมอฟมีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาด” โดยเฉพาะเมื่อเขาเคยวางแผนการโจมตีผิดพลาดมาแล้วในการสู้รบช่วงแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022

 

ภารกิจที่ยากจะจัดการ

 

อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้กลยุทธ์ของรัสเซียในการป้องกันแนวรบทางตอนใต้ดูเหมือนจะยังได้ผลดี โดยมีรายงานว่า ในขณะที่พยายามบุกทะลวงแนวป้องกันของรัสเซียนั้น ยูเครนต้องสูญเสียรถถังกวาดทุ่นระเบิดและอาวุธอื่นๆ จากการโจมตีด้วยปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย เช่นเดียวกับคลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นว่า กองกำลังรัสเซียระดมยิงกระสุนต่อต้านรถถังอย่างหนัก ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับหน่วยรบแนวหน้าของยูเครน

 

“กองกำลังชั้นแรกของรัสเซียจะขับไล่หรือชะลอกองกำลังโจมตีของศัตรู จากนั้นกองกำลังชั้นที่สองจึงจะโจมตีตอบโต้” สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ในวอชิงตัน วิเคราะห์

 

เจ้าหน้าที่ยูเครนคนหนึ่งยอมรับความท้าทายดังกล่าว โดยระบุว่า “แม้เราจะสามารถข้ามผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้โดยใช้รถเก็บกู้ทุ่นระเบิด รถแทรกเตอร์ รถไถทุ่นระเบิด และอุปกรณ์ทางวิศวกรรมอื่นๆ แต่การทำเช่นนั้นกลายเป็นเรื่องท้าทายเมื่อมีการใช้โดรนซึ่งส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยังปืนใหญ่และฝูงบินของข้าศึก”

 

รศ.แมทธิว ชมิดต์ แห่งมหาวิทยาลัยนิวเฮเวน วิเคราะห์ต่อไปว่า กองกำลังทางอากาศของรัสเซียจะมีบทบาทสำคัญในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า “นั่นจะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาใช้ระเบิดร่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ อากาศยานปีกหมุนของพวกเขาสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กองกำลังทางอากาศของรัสเซียจะกลับมามีบทบาทได้อีกครั้งหรือไม่ หลังจากที่พวกเขาเคยเผชิญกับมาตรการป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนมาแล้ว” 

 

เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนยอมรับกับ CNN เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า การโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่ของรัสเซียเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการรุกคืบของกองกำลังยูเครน

 

“ฝูงบินของรัสเซียทำงานเป็นระลอกๆ เช่นเดียวกับในเวียดนามและอัฟกานิสถาน พวกเขาทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบิน” รองผู้บังคับกองพันแห่งกองพันรักษาดินแดน กล่าวกับทีมข่าวของ CNN ใกล้กับซาปอริซเซีย 

 

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยูเครนยังเน้นย้ำถึงปัญหาสำคัญของยูเครน ซึ่งก็คือการขาดแคลนทรัพยากรการสู้รบทางอากาศ

 

“เราขาดการสนับสนุนด้านการบินอย่างมาก” เขากล่าว พร้อมกับเสริมว่า หน่วยรบของยูเครนต้องปรับตัวด้วยการแบ่งย่อยออกเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่ตรวจจับได้ไม่ง่ายนัก

 

รศ.ชมิดต์ กล่าวว่า กองกำลังยูเครนจะต้องรีบเรียนรู้เทคนิคที่จำเป็น เพื่อเจาะแนวรบของรัสเซียให้สำเร็จ 

 

ผู้บัญชาการทหารยูเครนกล่าวกับ CNN ว่า “เรากำลังรุกคืบกำจัดข้าศึกออกจากตำแหน่ง ไม่เร็วเท่าที่เราต้องการ แต่เรากำลังก้าวไปข้างหน้า ในบางที่ศัตรูเริ่มตื่นตระหนกแล้ว” 

 

สงครามอิเล็กทรอนิกส์ vs. การรบแนวหลัง

 

แน่นอนว่ารัสเซียได้เรียนรู้บทเรียนอันหนักหน่วงจากการสู้รบที่ดำเนินมาเกือบ 18 เดือน บล็อกเกอร์สายทหารของรัสเซียซึ่งมักวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของกองทัพ เขียนชื่นชมความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare หรือ EW) ของรัสเซีย ที่ขัดขวางการสื่อสารและการกำหนดเป้าหมายของยูเครน เนื่องจากอาวุธนำวิถีที่แม่นยำต้องอาศัย GPS 

 

สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามกล่าวในสัปดาห์นี้ว่า “ยังไม่ชัดเจนว่ากลยุทธ์ EW ของรัสเซียที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นผลมาจากขีดความสามารถที่เหนือกว่าของรัสเซีย หรือเป็นเพราะรัสเซียใช้ระบบเหล่านี้ได้เก่งขึ้น” 

 

แต่นอกจาก EW แล้ว สิ่งที่ต้องจับตาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าคือ การที่กองกำลังยูเครนจะมุ่งเป้าการสู้รบไปยังตำแหน่งแนวหลัง เช่น ศูนย์บัญชาการ อาวุธยุทธภัณฑ์ และแหล่งเชื้อเพลิง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถของรัสเซีย 

 

มิก ไรอัน ซึ่งเขียนบล็อก Futura Doctrina และเกาะติดการสู้รบระหว่างสองฝ่ายมาตั้งแต่แรก กล่าวว่า หากสามารถจำกัดความพร้อมด้านเชื้อเพลิงและกระสุนของกองกำลังรัสเซียได้ ยูเครนก็จะสามารถจำกัดการตอบโต้ของรัสเซียและจำกัดการเคลื่อนย้ายทหารกองหนุนของรัสเซียได้

 

เจ้าหน้าที่ยูเครนคนหนึ่งกล่าวว่า “ความสำเร็จของปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ใช่แค่การยึดฐานที่มั่น แต่ยังต้องรักษาโมเมนตัมและรุกคืบต่อไปหลังจากเจาะแนวป้องกันของข้าศึกได้”

 

ริชาร์ด ฮาส และ ชาร์ลส์ คัปชัน ผู้คร่ำหวอดด้านนโยบายต่างประเทศ มองว่า เมื่อการโจมตีของยูเครนสิ้นสุดลง เคียฟอาจเริ่มหันมาพิจารณาการเจรจายุติความขัดแย้ง ท่ามกลางข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นทั้งกำลังคนของตนเองและความช่วยเหลือจากต่างประเทศ

 

“แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนทางทหารเพิ่มขึ้นจากตะวันตก แต่ยูเครนก็มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถเอาชนะทหารรัสเซียได้” พวกเขากล่าว

 

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เห็นต่าง โดยส่วนใหญ่เชื่อว่ายูเครนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโจมตีเครมลินอย่างหนัก ซึ่งอาจรวมถึงการยึดไครเมียกลับคืนมา และมีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่านี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย 

 

ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน กล่าวว่า หากการโจมตีประสบความสำเร็จในการขับไล่กองกำลังรัสเซียออกจากดินแดนของยูเครนได้…มันจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่ถ้าไม่…การโจมตีก็จะมากขึ้น หากเสบียงอาวุธของเราถูกตัด ยูเครนก็แค่เปลี่ยนไปทำสงครามที่มีความรุนแรงน้อยลง 

 

ภาพ: Handout / Latin America News Agency via Reuters Connect

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising