คาซุโอะ อุเอดะ ยันนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยัง ‘จำเป็น’ และ ‘เหมาะสม’

คาซุโอะ อุเอดะ ว่าที่ผู้ว่าแบงก์ชาติญี่ปุ่นระบุว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยัง ‘จำเป็น’ และ ‘เหมาะสม’ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 4.2% จากปีก่อน แตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) คาซุโอะ อุเอดะ (Kazuo Ueda) ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultra-loose Monetary Policy) ต่อไปเป็นสิ่งที่ ‘เหมาะสม’ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังไม่บรรลุเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 2% อย่างยั่งยืนและมั่นคง

อุเอดะกล่าวอีกว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่มาจากต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น มากกว่าอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง พร้อมเตือนด้วยว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคง ‘สูงมาก’ สะท้อนว่า BOJ จะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

“มีผลข้างเคียงหลายอย่างเกิดขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นโยบายปัจจุบันของ BOJ เป็นแนวทางที่จำเป็นและเหมาะสมในการบรรลุอัตราเงินเฟ้อ 2%” อุเอดะกล่าวอีกว่า “หากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและบรรลุเป้าหมาย 2% ของ BOJ อย่างยั่งยืน ธนาคารกลางจะพิจารณาปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ระดับปกติ”

การแสดงความคิดเห็นของอุเอดะครั้งนี้มีขึ้นระหว่างกระบวนการรับฟังเพื่อยืนยันการแต่งตั้ง (Confirmation Hearing) ในสภาล่างของญี่ปุ่น และมีขึ้นวันเดียวกับการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ประจำเดือนมกราคมของญี่ปุ่น

เงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือนมกราคมแตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี

โดยอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารสดของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 4.2% จากปีก่อน ตามการคาดการณ์ของตลาด แตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีในเดือนมกราคม เนื่องจากบริษัทต่างๆ ส่งต่อต้นทุนที่สูงขึ้นให้กับครัวเรือน ทำให้ธนาคารกลางอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยุติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และนับเป็นการเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 1981 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตน้ำมันในตะวันออกกลาง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการนำเข้าของญี่ปุ่น

ข้อมูลดังกล่าวเน้นย้ำถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ BOJ ต้องเผชิญ เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อครัวเรือน ซึ่งหลายคนค่าจ้างไม่ได้เพิ่มขึ้นมากพอที่จะชดเชยค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้

โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในขณะนี้ ยังเกินเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่นเป็นเวลา 9 เดือนติดต่อกันแล้ว

จับตาแนวโน้มการดำเนินนโยบายของ ‘อุเอดะ’

อุเอดะกล่าวอีกว่า หาก BOJ ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะทำผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินสำรองของสถาบันการเงินที่ฝากไว้กับธนาคารกลางแทนการขายพันธบัตร แต่กลับปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการปรับเปลี่ยนมาตรการควบคุมผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (YCC) โดยกล่าวว่า “มีความเป็นไปได้หลายอย่างว่า YCC จะเป็นอย่างไรในอนาคต”

แม้ว่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลได้สร้างเซอร์ไพรส์ตลาดโดยการเสนอชื่ออุเอดะ นักวิชาการวัย 71 ปีคนนี้ให้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางคนต่อไป ทำให้ตลาดมองว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในการยุตินโยบายควบคุมอัตราผลตอบแทน (YCC) ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนว่าบิดเบือนการทำงานของตลาด และส่งผลกระทบต่อมาร์จิ้นของธนาคาร

ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา อุเอดะก็จะสืบทอดตำแหน่งต่อจาก ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ซึ่งจะสิ้นสุดวาระในวันที่ 8 เมษายนนี้

ขณะที่ Moh Siong Sim นักกลยุทธ์สกุลเงินจาก Bank Of Singapore กล่าวว่า อุเอดะกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ดีในแง่ของการพยายามหาทางออกจาก YCC โดยไม่รบกวนทิศทางดอลลาร์ต่อเยนมากเกินไป

สำหรับผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรองผู้ว่าการ BOJ อีก 2 คนนั้นคือ เรียวโซ ฮิมิโนะ (Ryozo Himino) และ ชินอิจิ อุจิดะ (Shinichi Uchida) จะเข้ากระบวนการรับฟังเพื่อยืนยันการแต่งตั้ง (Confirmation Hearing) ในสภาล่างของญี่ปุ่นในช่วงบ่ายวันนี้

ส่วนกระบวนการต่อไปคือ Confirmation Hearing ในสภาสูงของอุเอดะในวันจันทร์ (27 กุมภาพันธ์) และสำหรับรองผู้ว่าการทั้ง 2 คนจะจัดในวันอังคาร (28 กุมภาพันธ์) เนื่องจากการเสนอชื่อจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากทั้ง 2 สภา

อ้างอิง: