×

ทวนความจำ! เล่ามุกเด็ดของ โน้ต-อุดม แต้พานิช ตลอด 24 ปีของเดี่ยวไมโครโฟน

24.08.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MINS READ
  • ตลอด 24 ปี ปฏิเสธไม่ได้ว่า โน้ต-อุดม แต้พานิช และเดี่ยวไมโครโฟน ก็สร้างมุกเด็ดที่ทำให้ผู้ชมติดใจ
  • อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นศิลปินที่น่าแซวขนาดไหน เราคงคุ้นเคยกันดี ซึ่งอุดมก็เลือกอาจารย์เฉลิมชัยมาอำตั้งแต่เดี่ยว 4 เมื่อปี 2542 แล้ว
  • ตูดหมึก เป็นธีมหลักของเดี่ยวฯ ครั้งที่ 6 อุดมพูดถึงอุปนิสัยของคนที่เรียกรวมๆ ว่า ‘ตูดหมึก’

19 สิงหาคม 2538 เป็นวันที่มีการแสดงชื่อ ‘เดี่ยวไมโครโฟน’ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในยุคนั้นที่ Stand-up Comedy ยังไม่แพร่หลายในเมืองไทย การแสดงตลกยังเน้นแสดงเป็นหมู่คณะ การออกไปพูดคนเดียวให้คนดูขำได้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่และบ้าบิ่นอยู่ไม่น้อย

 

แม้ว่าในช่วงหลังสังคมออนไลน์จะไม่ฮือฮามากเท่าช่วงพีกๆ ของการแสดงเดี่ยวฯ แต่ตลอด 24 ปี ปฏิเสธไม่ได้ว่า โน้ต-อุดม แต้พานิช และเดี่ยวไมโครโฟน ก็สร้างมุกเด็ดที่ทำให้ผู้ชมติดใจอยู่หลายมุกเหมือนกัน

 

วันนี้ THE STANDARD ขอย้อนความทรงจำกับเรื่องเด็ดที่เรียกเสียงฮากระจายจนหลายคนน่าจะยังจำได้แม่นจนทุกวันนี้

 

 

ทำนม

มุกจากเดี่ยวไมโครโฟนครั้งแรกเมื่อปี 2538 ที่ธีมหลักเป็นการหยิบเรื่องใกล้ตัวอุดมในสมัยนั้นอย่างวงการบันเทิงไทยมาอำเสียเละ อย่างมุกนี้ที่แซวการทำนมที่เรียกได้ว่าแพงมากในสมัยนั้น

 

ช่างแต่งหน้าที่ผมเจอมา ความใฝ่ฝันของช่างแต่งหน้าทั่วไปคือการเก็บหอมรอมริบหาเงินเพื่อมาทำนมเป็นของตัวเอง เชื่อกันว่าการมีนมเป็นของตัวเองนั้นเป็นเรื่องน่าภูมิใจของเขามาก เอ่อ…ก็เก็บหอมรอมริบกันไป บางท่านก็เก็บได้นิดหน่อย ด้วยความกลัวไม่ทัดเทียมเพื่อนฝูง เอาวะ ทำสองข้างไม่ได้ ทำข้างเดียวก็ยังดี

 

หมอคะ อยากได้นม

เอ่อ…คุณมีเงินมาสักเท่าไรล่ะ

ต้องใช้ 7-8 หมื่นใช่ไหมคะ หนูมี 3 หมื่น ขอข้างเดียวก่อนค่ะ รีบใช้

เอาสิครับ ข้างเดียวก็ข้างเดียว ตามความสมัครใจ นอนเลยครับๆ หมอจะฉีดยาชาให้

ยาชาเข็มละเท่าไรคะ

ก็ประมาณพันกว่าบาทน่ะครับ

เอ่อ…งั้นไม่เป็นไรค่ะหมอ ผ่าเลยค่ะ

ผ่าเลยจะไม่เจ็บเหรอครับ

ไม่เป็นไร…ประหยัดค่ะ หมอมียางลบให้หนูอันหนึ่งก็พอค่ะ

เอามาทำอะไรครับ

เอาไว้กัดอดทนตอนเจ็บค่ะ

 

 

เพื่อนตุ้ม

อีกครั้งกับเดี่ยวไมโครโฟน ครั้งที่ 2 ‘โชว์ห่วย’ ที่ไม่มีใครลืมเพื่อนตุ้มไปได้ แม้ว่าจะไม่เคยมีใครเห็นหน้าคุณตุ้มเลยก็ตาม

 

แต่ก่อนผม โอ๊ย เบื่อเหลือเกินอำนาจ รู้สึกต่อต้านในใจ ทำไมคนไทยเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เท่าเทียมกัน ทำไมไม่ปฏิบัติตามกฎ แต่หลังจากเหตุการณ์หนึ่งผ่านไป ผมก็พบว่าอำนาจเป็นสิ่งจำเป็น

 

วันนั้นผมไปที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เอารถเข้าไปจอด ไปถึงประตูตรงสนามหลวงน่ะ มาเลยครับ ยามแต่งชุดสีกากี

 

ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

เอ่อ…คือนักศึกษาเข้าติดต่อให้มาช่วยงานเฟรชชี่อะไรของเขาไม่ทราบครับ

แต่ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

จอดแป๊บเดียวครับ 30 นาที เดี๋ยวก็ไปแล้วครับ ตอนนี้ต้องรีบจอด เพราะว่ามาสายครับ จะไม่ทัน

ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

 

คือไม่รู้ใครไปป้อนข้อมูลเขาไว้แค่นี้


เอาอย่างนี้ครับ งั้นพี่เลื่อนเหล็กให้หน่อย เดี๋ยวผมขอเข้าไปกลับรถ

ไม่มีสติกเกอร์ เข้ากลับรถไม่ได้ครับ

 

ผมก็ถอยรถออกมา ขับรถอ้อมสนามหลวง 1 รอบ ครุ่นคิดเลยครับว่าทำยังไงดีนะ เราถึงจะเข้าไปได้ เราต้องใช้อำนาจ อำนาจอะไรดี แม่เราก็เป็นแม่ค้าส้มตำ ไม่ได้ๆๆ ญาติของเรา โคตรเหง้าตระกูลเรามีใครเป็นใหญ่เป็นโตไหม ไม่มีเลย เบ่งไม่ได้เลย ขับไปเรื่อยๆ เกิดพุทธิปัญญา เฮ้ย ใช่สิ ทำไมเราจะไม่มีอำนาจ

 

เราเพื่อนตุ้มนี่ ใช่ เราเพื่อนตุ้ม

 

ผมพารถไปยังที่เดิม กดกระจกลง อิ้ส (ทำมือเลื่อนกระจกรถ) จริงๆ เป็นระบบไข แต่ไม่ได้ เดี๋ยวเสียฟอร์ม ต้องทำไหล่ให้ตรงๆ ไว้ แล้วมาหนักตรงข้อมือ ยามคนเดิมเดินมา

 

ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

น้อง พี่เพื่อนตุ้มนะ

บรื้นๆๆ ไปเลย อย่ากลับมาอธิบายอะไรเด็ดขาด วันๆ ต้องปล่อยให้เขาครุ่นคิดอะไรบ้าง

 

เพื่อนตุ้ม…ตุ้มไหนว้า

 

 

ผีรถเมล์

ไม่แน่ใจว่าเป็นประเพณีประจำเดี่ยวหรือประจำประเทศไทยในยุคนั้นที่ทำให้เวลาอุดมมาเดี่ยวฯ ต้องมีเรื่องผีอยู่ด้วยเสมอ และนี่ก็เป็นเรื่องคลาสสิกที่เล่าในเดี่ยวฯ​ 3 ‘อุดมการช่าง’

 

เหตุเกิดที่มหา’ลัยเกษตรฯ เวลาตีสอง คนส่วนใหญ่ที่เจอจะเจอหญิงสาวคนหนึ่งนุ่งชุดขาวเดินตัดผ่านหน้ารถ ใครตัดสินใจหักหลบ เกิดอุบัติเหตุทันที หรือใครตัดสินใจบุกชนเข้าไปเลย กลับกลายเป็นนักศึกษาผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่

 

บางคนเจอรถเมล์ไม่มีคนขับ ไม่มีกระเป๋า แล่นผ่านหน้าไปเฉยๆ แล่นผ่านไป หายไปกับความมืด

 

ต้อย เพื่อนผม เธอไม่เคยรู้เรื่องเล่านี้มาก่อนเลย แล้วเธอก็ไม่ได้สังหรณ์ใจ เธอนั่งรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย ขณะนั้นจะสองยามแล้ว เธอง่วงแล้ว เพิ่งแยกกับแฟนมา รอรถเมล์เขียวที่จะผ่านหน้าไป…

 

รถเมล์มาแล้ว เธอก้าวขึ้นรถ นั่งที่เบาะหลัง ควักสตางค์จะให้กระเป๋ารถ กระเป๋ารถไม่มี เธอตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อจะให้กับคนขับ คนขับไม่มี แต่รถแล่นได้ยังไง! รถแล่นได้ยังไง!! เฮ้ย ทำไมต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย  

 

เธอตัดสินใจพุ่งออกนอกตัวรถพร้อมกรีดร้องอย่างโหยหวน อ๊าๆๆๆๆ ลงมาที่พื้น ปั้ก! ส้นสูงเธอหัก เธอหอบอยู่กับพื้น น้ำตาเธอไหลนอง และเห็นรถคันนั้นแล่นผ่านหน้าเธอไปอย่างช้าๆ แล่นผ่านไป ผ่านไป

 

เห็นคนขับกับกระเป๋าเข็นอยู่ข้างหลัง

 

 

อาจารย์เฉลิมชัย

อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นศิลปินที่น่าแซวขนาดไหน เราคงคุ้นเคยกันดี ซึ่งอุดมก็เลือกอาจารย์เฉลิมชัยมาอำตั้งแต่เดี่ยว 4 เมื่อปี 2542 แล้ว

 

คุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ขายอะไรก็ดูน่าสนใจ แม้กระทั่งถุงยางอนามัย (ยกแขนทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ ล้อท่าทางอาจารย์เฉลิมชัย)

 

แหมมมมมมม่… มันบางเจี๊ยบบบบบบ

สองจิตวิญญาณรวมกันเป็นหนึ่ง เข้าถึงอายตนะภายใน บางรุ่นเรืองแสงได้ราวกับมีปาฏิหาริย์

 

ผมเคยได้นั่งคุยกับแกตัวต่อตัว เพราะได้ไปดูงานศิลปะของแกที่ถนนรัชโยธิน การได้นั่งคุยกับผู้ชายคนนี้ทำให้รู้ว่าคนนี้จะทำอะไรก็น่าสนใจไปหมด เขาเล่าเรื่องลูกคนเล็กโดนยุงตัวหนึ่งกัดให้ฟัง แต่ภาพที่คุณเห็นในหัวก็คืออีแร้งบินมาทั้งฝูง

 

แหม โน้ต ยุงมันบินมาพึบ! พึบพับ! พึบพับ! พึบพับ! แล้วเจาะที่แขนลูกผม ฉึก! อ๊ากกกก

 

ยังกะแขนจะทะลุออกมา ยุงตัวแค่เนี้ย

 

 

แจ๋ว

ในเดี่ยวฯ 2 ตอนที่เล่าเรื่องของคู่ชาติบ้านเมืองไทย (ในช่วงปี 2539) หนึ่งในนั้นคือเรื่องคนใช้ในละครที่ต่างก็ชื่อแจ๋วกันหมดอย่างกับนัดกันมา ทำให้เกิดมุกนี้ขึ้น

 

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมในละครหรือหนังไทย คนใช้จะต้องชื่อแจ๋ว คนขับรถชื่อชม คนทำสวนชื่อชิด ไม่เคยมีเลยที่น้องเจนนิเฟอร์เป็นคนใช้

 

ก็เป็นเรื่องคนใช้ภายในบ้านหลังหนึ่งครับ นายผู้ชายเขากังวลว่าเมียจะมีชู้ เขาก็ทำการพิสูจน์ให้รู้ได้ว่าเมียมีชู้จริงหรือไม่ด้วยการลาภรรยาไปต่างประเทศ หลายวันจะกลับ เขาก็เดินทางไป พอถึงดอนเมือง เขาโทรกลับมาเลย เช็กเลย

 

กริ๊งงงง!

แจ๋วเหรอ แจ๋วใช่ไหม

เอ่อ ใช่ค่ะ

แจ๋ว นี่ฉันเองนะ แกลองไปดูในห้องนอนคุณผู้หญิงซิว่ามีผู้ชายนอนอยู่หรือเปล่า

เอ่อ…ค่ะ เอ่อ…มีค่ะ

ต่อหน้าต่อตา (กลั้นอารมณ์โกรธเต็มที่) ฉันเพิ่งออกมาไม่เท่าไร… แจ๋ว แกฟังชั้นนะ แกเดินไปที่โต๊ะหัวเตียงนะ แล้วแกเอาปืนออกมา

อู้ววว เอามาทำไมคะ

เอาออกมายิงไอ้สองคนนั้นนะ แกยิงเลย

อู้วววว มันเสียงดังน่ากลัว

เอาหมอนอุดไว้ แล้วแกยิงเข้าไปให้หมดแม็กเลย เข้าใจไหม

อู้วววว หนูกลัววววว…หนูทำไม่ได้

แกต้องทำได้ ฉันจะให้เงินแก แล้วก็ทองที่มีอยู่ทั้งหมด แกกลับไปอยู่บ้านนอกได้อย่างสบายเลย

แต่…แจ๋ว (น้ำเสียงลังเล)

แกทำไป เชื่อฉัน ฉันจะให้เงินแกทั้งหมดแน่

ก็ได้ค่ะ (น้ำเสียงสั่นๆ)

 

สักพักหนึ่งได้ยินเสียงปลายสายมา ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

ฮือๆๆๆ หนูยิงแล้วค่ะ เลือดสาดกระจายเต็มห้องเลยค่ะ อู๊ยยยยย น่ากลัวค่ะ

นี่…แกทำใจดีๆ นะ หายใจลึกๆ แกลากศพสองศพนี้ไปทิ้งที่สระว่ายน้ำ…ข้างหลัง รู้ไหม

ฮือๆๆๆ เหรอคะ ทิ้งที่สระว่ายน้ำ

เออ ถูกแล้ว ทิ้งที่สระว่ายน้ำ

เออ…เอ๊ะ! บ้านนี้ไม่มีสระว่ายน้ำค่ะ

อ้าวเหรอ! ขอโทษ โทรผิด!

 

 

พลิกมานำ

ตูดหมึก เป็นธีมหลักของเดี่ยวฯ ครั้งที่ 6 อุดมพูดถึงอุปนิสัยของคนที่เรียกรวมๆ ว่า ‘ตูดหมึก’ เช่น เอารูปโพลารอยด์มาแกว่งหลังถ่าย เพราะเชื่อว่าภาพจะออกมาเร็วขึ้น หรือคนที่ชอบกดปุ่มลิฟต์ซ้ำ ทั้งๆ ที่มันกดไว้อยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าลิฟต์จะมาเร็วขึ้น

 

หนึ่งมุกในเดี่ยวฯ ครั้งนี้ที่ตราตรึงใจมากคือตอนอุดมเล่าถึงร้านหมูกระทะเกาหลีที่มาเปิดทีหลัง แต่เหนือกว่าเสียอย่างนั้น

 

มีร้านหมูกระทะอยู่ร้านหนึ่ง เปิดขึ้นมาเป็นร้านแรก ใช้ชื่อร้าน ‘หมูกระทะเกาหลี’ เปิดขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ร้านที่สองซึ่งเปิดตามมาต้องพยายามพลิกสถานการณ์จากเป็นรองให้ขึ้นมานำ เลยตั้งชื่อร้านว่า ‘หมูกระทะเกาหลีเหนือ’ คือเหนือกว่าเห็นๆ แล้วอีกร้านจะดูเป็นเกาหลีใต้ทันที พลิกสถานการณ์ครับ

 

เหมือนร้าน ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ตอนแรกเปิดมานำ เจอร้านต่อมาชื่อ ‘หญิงสี่บะหมี่เกี๊ยว’ พอมาถึงร้านสุดท้ายเปิดมาเป็น ‘ชายสี่หญิงสองบะหมี่เกี๊ยว’ ชนะหมดทุกร้านเลย

 

คือฉันจะสวิงกิ้งเกี๊ยวหมี่ ใครจะทำไม

 

หรือไปเห็นร้านอาหารทะเลแถวๆ ประจวบฯ ครับ ร้านแรกชื่อว่า ‘ปูสด’ เจอร้านถัดไปชื่อ ‘ปูเป็น’ ประมาณว่าปูของเธอสดใช่ไหม แต่ของฉันสดกว่าเห็นๆ เพราะยังเป็นอยู่เลย

 

แล้วมีร้านถัดไปอีกชื่อ ‘ปูเป็นเป็น’ คือเป็นมากกว่าร้านที่แล้วอีก 1 ปี ส่วนร้านสุดท้ายนี่ชนะทุกร้านเลย ใช้ชื่อว่า ‘ปูเป็นปู’

 

ร้านอื่นปูเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ร้านเราปูเป็นปูแน่นอน นี่เป็นการพลิกสถานการณ์จากฝ่ายตามเป็นขึ้นมานำ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising