Twenty-Five, Twenty-One ซีรีส์เกาหลีเรื่องล่าสุดที่มาในแนวทางชีวิตวัยหนุ่มสาว และการค้นพบ เติบโตของตนเอง ซึ่งสำหรับแฟนซีรีส์ที่ติดตามผลงานจากเกาหลีในช่วงระยะหลัง คงรู้สึกได้เช่นกันว่าวัยหนุ่มสาวที่กำลังเบ่งบานในช่วงวิกฤตโลกครั้งใหญ่นี้ ต่างต้องเผชิญกับความยากลำบากชนิดที่คาดเดาไม่ได้ และไม่มีอำนาจในการไปควบคุมอะไรได้เลย ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง โรคระบาด กลุ่มทุนใหญ่ครอบงำประเทศ ความสัมพันธ์เชิงบุคคลที่เปราะบาง เรื่องดราม่าที่มีทุกวันให้โหนกระแส ฯลฯ ที่ดูเหมือนว่าแสงสว่างที่ปลายทางริบหรี่ลงไปทุกที

แต่ถึงอย่างนั้น หนุ่มสาวก็คือวัยที่กำลังเบ่งบานอย่างที่สุดในอายุที่พร้อมที่สุดกับการทำทุกอย่างตรงหน้าที่อยากทำ Twenty-Five, Twenty-One จึงเป็นเหมือนซีรีส์น้ำดีที่จะพาเราไปสนุกสนานกับวัยเยาว์ ผ่านประสบการณ์ดีร้าย และเรียนรู้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผ่านเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่น 5 คน ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 1998

คิมแทรี และ นัมจูฮยอก สองนักแสดงนำของ Twenty-Five, Twenty-One อยู่ตรงหน้าจอวิดีโอคอลกับ THE STANDARD POP พวกเขาพร้อมจะเล่าเรื่องราวการทำงานในซีรีส์ Coming of Age เรื่องนี้ให้ฟังแล้ว

ในช่วงปีนี้มีซีรีส์เกี่ยวกับวัยหนุ่มสาวค่อนข้างเยอะ และโดยส่วนใหญ่มักสอดแทรกเมสเสจสำคัญที่อยากส่งต่อไปให้พวกเขา สำหรับคุณคิดว่า Twenty-Five, Twenty-One ต้องการบอกอะไรออกไป โดยเฉพาะจากตัวละครของคุณ

คิมแทรี: ทุกช่วงเวลาของประสบการณ์ที่เราพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นความฝัน การได้พบเพื่อน ความรัก ทุกเสี้ยววินาทีล้วนแล้วแต่ส่องประกายงดงามค่ะ สิ่งนี้น่าจะเป็นเมสเสจสำคัญที่ Twenty-Five, Twenty-One ต้องการสื่อไปถึงผู้ชมค่ะ

นัมจูฮยอก: สำหรับผมสิ่งที่ต้องการสื่อคือ ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ และไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ทุกอย่างมีทางออกเสมอ อีกอย่างหนึ่งคือ ช่วงเวลาดีๆ จะถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม แต่ช่วงเวลาที่เลวร้าย ถึงวันหนึ่งก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีได้เช่นกันครับ

การจะถ่ายทอดเรื่องราวคนหนุ่มสาวในเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ IMF คงไม่ใช่เรื่องง่าย คุณเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทอดบทบาทนี้อย่างไร

คิมแทรี: ฉันโฟกัสกับบทละครเป็นหลักค่ะ ผู้เขียนบทเรียบเรียงเรื่องราวไว้ดีมากอยู่แล้ว สำหรับตัวละครนาฮีโด เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง เต็มไปด้วยพลังงานและชีวิตชีวาอย่างที่ฉันไม่ค่อยได้เห็นนัก และนอกจากกีฬาฟันดาบเธอก็ไม่สนใจสิ่งอื่น เรียกว่าทุ่มสุดตัวให้กับการฟันดาบเท่านั้น เพราะอย่างนั้นฉันเลยคิดว่าลองเริ่มต้นจากศูนย์อย่างไม่รู้อะไรเลยดีกว่าค่ะ

ฉันต้องเตรียมตัวสำหรับบทบาทนาฮีโดด้วยการเรียนฟันดาบอยู่ 5-6 เดือนก่อนถ่ายทำ ซึ่งมันเป็นกีฬาที่สนุกมาก ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาฉันยังไปซ้อมฟันดาบอยู่เลย แล้วยังได้เขียนไดอะรีเกี่ยวกับการฝึกฟันดาบในแต่ละวัน ซึ่งไดอะรีนี้ก็เอามาใช้เป็นพร็อพในซีรีส์ Twenty-Five, Twenty-One ด้วยค่ะ

อย่างหนึ่งก็คือการทำงานกับผู้กำกับชองจีฮยอน เราเคยร่วมงานกันแล้วจากซีรีส์ Mr. Sunshine ตอนนั้นเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยค่ะ ฉันเชื่อใจผู้กำกับได้ที่สุดเลยทำงานนี้ด้วยความสนุกสนาน รู้ได้เลยว่ามันจะสร้างความอบอุ่นใจให้กับคนดูได้

นัมจูฮยอก: ผมอยากแสดงมุมที่แตกต่างของคาแรกเตอร์แบคอีจิน ที่เต็มไปด้วยสีสันต่างๆ เกี่ยวกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ผมพยายามคาดเดาว่าความรู้สึกของคนในช่วงนั้นเป็นอย่างไร ผมศึกษาผ่านสารคดี วิดีโอ เพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ในช่วงนั้น ส่วนการแสดงในกองถ่าย ผมใช้ความรู้สึกส่วนตัวเพิ่มเข้าไปในการคาดเดาว่าตัวละครจะรู้สึกหรือแสดงท่าทีอย่างไร

ตัวผมเองเคยทำงานพาร์ตไทม์มาก่อนครับ เคยทำงานมาเยอะมากเหมือนกันเพื่อหารายได้ สำหรับซีรีส์ Twenty-Five, Twenty-One ผมเตรียมตัวด้วยการถามข้อมูลจากคนรอบๆ ตัวค่อนข้างเยอะครับ เกี่ยวกับบรรยากาศและสภาพสังคมในยุคนั้น นอกจากนี้ยังไปเรียนรู้ว่านักข่าวกีฬาทำงานกันอย่างไร คอยสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้การแสดงออกมาเหมือนจริงที่สุดครับ

กีฬาฟันดาบโด่งดังมากๆ โดยเฉพาะช่วงโอลิมปิกปี 2000 ที่เกาหลีใต้ได้เหรียญทองจากฟันดาบชายเดี่ยว สำหรับแฟนซีรีส์ที่อยู่นอกเกาหลีอาจไม่มีข้อมูลเรื่องนี้สักเท่าไร อยากให้คุณเล่าถึงความสำคัญของกีฬาฟันดาบ เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการรับชมซีรีส์ Twenty-Five, Twenty-One

คิมแทรี: อันที่จริงในเกาหลีกีฬาฟันดาบไม่ใช่กีฬาที่เป็นกระแสขนาดนั้นค่ะ แต่เป็นกีฬาที่มีผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ในซีรีส์ Twenty-Five, Twenty-One ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้แนะนำกีฬาชนิดนี้ให้ผู้ชมได้รู้จักและคุ้นเคยมากขึ้น 

กีฬาฟันดาบสำหรับตัวละครนาฮีโดหลักๆ แล้วน่าจะเป็นความสนุกของตัวเธอเองค่ะ

นัมจูฮยอก: ในฐานะที่คอยสังเกตนาฮีโดอยู่ข้างๆ บอกได้เลยว่าเธอทุ่มเทและตั้งใจมากครับ ผมคิดว่าผู้ชมน่าจะสัมผัสได้ว่ากีฬาฟันดาบเป็นกีฬาที่สนุกและเป็นกีฬาที่มีชีวิตชีวาชวนลุ้น ถ้าทุกคนได้ดูแล้วน่าจะหลงใหลกับกีฬาประเภทนี้ครับ

ถ้าคุณมีโอกาสได้พูดกับตัวละครที่คุณแสดง มีอะไรอยากจะบอกกับพวกเขาบ้าง

คิมแทรี: มีประโยคหนึ่งที่อีจินบอกกับฮีโดว่า เธอจุดประกายให้คนอื่นอยากเป็นคนที่เก่งยิ่งขึ้น คำพูดของเขาเป็นทั้งคำปลอบใจและคำชื่นชมที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉันค่ะ 

ฉันอยากส่งต่อประโยคนี้ให้นาฮีโดค่ะ “เธอจุดประกายให้คนอื่นอยากเป็นคนที่เก่งขึ้นทุกครั้งที่มองเธอ ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เป็นเกียรติมากที่ได้รับบทเป็นตัวละครอย่างเธอ”

นัมจูฮยอก: ผมอยากบอกกับตัวละครแบคอีจินว่า “ถ้าชีวิตนายเจอถึงขั้นนั้น คงไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอก นายมันสุดยอด!” 

ในระหว่างการถ่ายทำ เคมีทีมนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง และมีช่วงเวลาที่น่าประทับใจอะไรที่อยากแชร์ให้กับแฟนๆ ฟังบ้างไหม

คิมแทรี: ​​เคมีของพวกเรายอดเยี่ยมมากค่ะ พวกเราพยายามทำความคุ้นเคยซึ่งกันและกันตั้งแต่ก่อนเริ่มถ่ายทำ และถ่ายทำกันอย่างสนุกสนานค่ะ โดยเฉพาะกับคิมจียอน (โบนา) ที่รับบทเป็นโกยูริม และนัมจูฮยอกที่รับบทเป็นแบคอีจิน พวกเราติดต่อกันบ่อยและมีพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันด้วย ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างสนุกสนาน เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกันจริงๆ ไปแล้ว

นัมจูฮยอก: ตัวละครทั้งหมดต่างมีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น พอมารวมกลุ่มกันแล้วดูเหมือนจะไม่เข้ากันแม้แต่นิดเดียว แต่ทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งทำให้ดูแปลกใหม่และสนุกสนานมาก มีหลายฉากที่พวกเราทั้งห้าคนรวมตัวกัน ซึ่งระหว่างถ่ายทำสนุกมากๆ จะเป็นฉากไหนต้องรอติดตามชมนะครับ

คุณจะได้เห็นภาพของกลุ่มเพื่อนๆ ในยุคนั้นที่หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน และเห็นเคมีที่เข้ากันได้ดีของพวกเราครับ

Twenty Five, Twenty One บอกเล่าถึงชีวิตและการเติบโตของกลุ่มวัยรุ่น 5 คน ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 1998 แสดงผ่านทีมนักแสดง คิมแทรี, นัมจูฮยอก, คิมจียอน (โบนา), ชเวฮยอนอุค และ อีจูมยอง ที่ดูทรงแล้วเคมีระหว่างพวกเขาน่าจะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลมกล่อมและกลายเป็นการก้าวข้ามผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นที่แสนยากลำบากได้อย่างงดงาม

เขียนบทโดย ควอนโดอึน เจ้าของผลงาน Search: WWW และผู้กำกับ ชองจีฮยอน ที่เคยอำนวยการผลิตซีรีส์ Search: WWW, The King: Eternal Monarch และ You Are My Spring ออกอากาศอีพีแรก 12 กุมภาพันธ์นี้ และจะออกอากาศทุกคืนวันเสาร์และอาทิตย์ทาง tvN แฟนซีรีส์ติดตามซับไตเติลไทยได้ทาง Netflix

ตัวอย่างซีรีส์ Twenty Five, Twenty One