ตอนนี้ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นที่ต้องการของประชาชนจำนวนมาก จนบางยี่ห้อขาดตลาดไปแล้ว ซึ่งคนที่เปิดเผยข้อมูลและคุณประโยชน์เกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรที่เกี่ยวพันกับการเสริมภูมิคุ้มกันในช่วงโควิดระบาดเป็นคนแรกๆ คือ ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า “ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีประโยชน์ในการนำมาใช้กับผู้ป่วยโควิด (ตั้งแต่การระบาดระลอกแรก) กับกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการเลยในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แล้วพบว่าผู้ป่วยที่มีอาการน้อยๆ เหล่านั้น หลังได้รับยาฟ้าทะลายโจรแล้วมีอาการดีขึ้น โดยไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้มีการนำฟ้าทะลายโจรไปทำการวิจัยร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษากลไกในการต้านโควิด จากผลการศึกษาพบว่า สารสกัดฟ้าทะลายโจร และสารแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญในฟ้าทะลายโจร มีความสามารถในการยับยั้งกระบวนการติดเชื้อไวรัสของเซลล์ปอด โดยผ่านกลไกที่สำคัญคือการยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อโควิดในทุกระยะ จึงมีโอกาสที่จะพัฒนาการใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นยาเดี่ยว หรือใช้ควบรวมกับสูตรยามาตรฐานในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด ปัจจุบันผลงานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Natural Products แล้ว
ล่าสุด เภสัชกรหญิง กฤติยา ไชยนอก สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีการแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อบรรเทาอาการของโรคหวัด และการใช้เพื่อรักษาโรคโควิดในประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนพิเศษ 120 ง วันที่ 4 มิถุนายน 2564 หน้า 46-47) โดยอนุญาตให้มีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรโดยมีรายละเอียดดังนี้
ยาสารสกัดผงฟ้าทะลายโจรที่มีแอนโดรกราโฟไลด์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 โดยน้ำหนัก (w/w) ในรูปแบบยาแคปซูล (Capsule) ยาเม็ด (Tablet) สั่งจ่ายโดยแพทย์เวชกรรม เนื่องจากโรคโควิดต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ และมีเงื่อนไขสำคัญว่า
- ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิดที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง
- เฉพาะผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีการควบคุมปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์
- รับประทานในขนาดยาที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งเป็นวันละ 3 ครั้ง
- ใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- มีการติดตามประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยหลังการใช้อย่างเป็นระบบ
หมายเหตุ: สามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรกับ
- บัญชี 1 รายการยาที่ใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพ
- บัญชี 2 รายการยาที่ต้องใช้โดยแพทย์แผนไทย หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการของสถานพยาบาลนั้นๆ โดยใช้องค์ความรู้การแพทย์แผนไทย
- บัญชี 3 รายการยาสำหรับโครงการพิเศษของหน่วยงานของรัฐ
ทางด้านแพทย์หญิงศรันยา สาครินทร์ แพทย์แผนปัจจุบัน จบจากโรงพยาบาลรามาธิบดี และศึกษาต่อปริญญาโทด้านฝังเข็มยาจีน นวดทุยหนา และโภชนาการจากสหรัฐอเมริกา จึงมีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการรักษาโรคจากทั้งศาสตร์ตะวันออกและตะวันตกให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลวิจัยของฟ้าทะลายโจรว่า
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญชื่อว่า ‘สารแอนโดรกราโฟไลด์’ (Andrographolide) ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้ในทุกระยะ และช่วยยับยั้งการอักเสบ และยังมีสารประกอบสาร Lactone 4 ชนิดที่มีฤทธิ์เย็นหนืด ช่วยจับโปรตีนของไวรัสให้อยู่กับที่ ทำให้ฤทธิ์ของฟ้าทะลายโจรต้านไวรัสได้ดียิ่งขึ้น และช่วยป้องกันผลข้างเคียงจากยาปฏิชีวนะได้ ลดการบีบตัวของลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย ช่วยรักษาอาการไอ เจ็บคอ ป้องกัน และบรรเทาหวัด
ในทางแพทย์แผนจีนนั้นระบุว่า ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์เย็นจัด มีรสขมและแห้ง มีสรรพคุณลดความร้อน ทั้งความร้อนในร่างกายและความร้อนเกินที่เข้ามาในร่างกาย เช่น ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ช่วยดูดความชื้นในร่างกาย ขจัดเสลดของเหลวต่างๆ ให้แห้ง จึงช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้เวลาเป็นไข้ขึ้นสูง ลดเจ็บคอ ช่วยเรื่องการทำงานของปอดเป็นหลัก สำหรับหมอเองก็ใช้ฟ้าทะลายโจรควบคู่กับสูตรยาจีนเพื่อช่วยลดอุณหภูมิความร้อนให้คนไข้ เพราะสามารถใช้ร่วมกันได้ หมอแนะนำให้กินแบบธรรมชาติ คือกินเป็นใบทั้งแบบสดหรือตากแห้งบดก็ได้ โดยปริมาณในการกินยาฟ้าทะลายโจรนั้นมีดังนี้
กินเพื่อป้องกัน (For Prevention)
สามารถกินแบบใบสด ประมาณวันละ 2-3 ใบ เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 เดือนในช่วงฤดูหนาว จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายได้
กินแบบตากแห้งแล้วบดใส่แคปซูล กินวันละ 1 แคปซูล (ประมาณ 500 มิลลิกรัม) ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน ระยะเวลาและขนาดปริมาณประมาณนี้ยังไม่มีผลข้างเคียงเรื่องการทำลายตับ มีงานวิจัยคำนวณอิงสารแอนโดรกราโฟไลด์เพื่อป้องกันหวัดจะใช้ปริมาณ 11.2 มิลลิกรัมต่อวัน กิน 5 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 3 เดือน มีผลป้องกันหวัดได้)
กินเพื่อรักษา (For Treatment)
สำหรับปริมาณการรักษา หมอแนะนำให้เลือกแบบตากแห้งแล้วบดใส่แคปซูล กินครั้งละ 1,500-3,000 มิลลิกรัม จำนวน 4 ครั้งต่อวัน หรือประมาณ 2-4 แคปซูล วันละ 3 มื้อ ระยะเวลา 7-10 วัน (หรือไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์) หากอิงจากสารแอนโดรกราโฟไลด์ ระดับในการรักษาคือประมาณ 60-120 มิลลิกรัมต่อวันนั่นเอง
อ้างอิง:
- https://www.hfocus.org
- โรงพยาบาลอภัยภูเบศร
- กรมสุขภาพจิต
ข้อห้ามใช้ของยาฟ้าทะลายโจร
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีอากาแพ้ฟ้าทะลายโจร
- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
- ห้ามใช้แก้เจ็บคอ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูมาติก
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูงและหนาวสั่น
ข้อควรระวัง
- หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้มีอาการชาหรืออ่อนแรง
- หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 2 วันแล้วไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยา ควรหยุดใช้และพบแพทย์
- ควรระวังการใช้ร่วมกับสารกันเลือดลิ่ม (anticoagulants) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets)
- ควรระวังการใช้ร่วมกับยาที่กระบวนการเมตาบอลิซึมมผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP 450) เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP 1A2, CYP 2C9 และ CYP 3A4
- การใช้ยาฟ้าทะลายโจรอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังนี้ เกิดอาการผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษได้