‘การศึกษา’ เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองหลายคนมองว่าเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตให้กับลูกๆ การส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อเปิดประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงหลักสูตรและงานวิจัยที่ทันสมัยจากคณาจารย์ที่มีชื่อเสียง 

 

‘การสร้างความเป็นนานาชาติ’ จากการศึกษาในต่างประเทศนั้น ทำให้นักเรียนมีประสบการณ์ในการสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้คนจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสกิลที่มีความสำคัญสำหรับการทำงานในยุคโลกาภิวัตน์

 

 

การเรียนต่อต่างประเทศไม่ได้มีแค่ค่าเทอม

 

แต่ละปีจะมีคนไทยที่เดินทางไปเรียนต่อยังต่างประเทศกว่า 30,000 คน และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้เพิ่มเป็น 40,000 คน โดย 3 ประเทศหลักที่นิยมไปคือ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย 

 

การศึกษาต่างประเทศ นอกจากการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ผู้ปกครองต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนของค่าเงินที่จะส่งผลโดยตรงกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น จึงต้องมีแผนการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ปกครองอุ่นใจ และลูก ‘ก้าวสู่ความสำเร็จที่ไปได้ไกลขึ้น’  

 

“หนึ่งในความท้าทายในการบริหารค่าใช้จ่ายของการส่งบุตรหลานไปเรียนต่อต่างประเทศคือตัวแปรของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก” บุษรัตน์ เบญจรงคกุล หัวหน้าธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH “อย่างปีที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 10% หรือสูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของโลก รวมถึงค่าเงินบาท ซึ่งถ้าไม่ได้มีการบริหารค่าเงินที่ดี ค่าใช้จ่ายอาจปรับตัวสูงขึ้นถึง 10% ได้”

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐหมายความว่าอย่างไร? เทียบให้เห็นภาพคือ ปกติแล้วค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศซึ่งรวมค่าเรียน ที่พัก ค่าครองชีพ จะอยู่ที่ราว 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 ล้านกว่าบาท แต่จากความผันผวนของค่าเงิน ถ้าผู้ปกครองไม่ได้มีการวางแผนทางการเงินที่ดี อาจทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 10% ซึ่งถ้าเรามีการวางแผนที่ดีจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนนี้ได้

 

การวางแผนการเงินเพื่อให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าการศึกษา ค่าที่พัก ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายยามจำเป็นต่างๆ รวมถึงการวางแผนทางการเงินที่ดีเพื่อรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง

 

ช่วงแรก ตั้งแต่ก่อนส่งลูกไป หรือช่วงเริ่มวางแผนการเรียนของลูก ซึ่งในช่วงนี้เองผู้ปกครองต้องเริ่มเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ผ่านการลงทุนที่ปลอดภัย 

 

ช่วงที่สอง ลูกกำลังจะเดินทางไปเรียน ซึ่งผู้ปกครองจะต้องมีการโอนเงินไปโรงเรียนที่ต่างประเทศด้วยช่องทางการโอนเงินที่สะดวกและประหยัด

 

และช่วงที่สาม เมื่อบุตรหลานเรียนอยู่ต่างประเทศแล้ว ผู้ปกครองจะอุ่นใจเมื่อลูกมีเงินใช้ โดยเฉพาะยามฉุกเฉิน ผ่านบัตร ‘ttb reserve’ ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้ในต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของโซลูชัน ‘ttb reserve หรือ ทีทีบี รีเซิร์ฟ’ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลวางแผนทางการเงินเมื่อต้องส่งลูกไปเรียนต่างประเทศให้ผู้ปกครองอุ่นใจที่สุด

 

เพื่อลูก ทุก ‘ก้าว’ จึงสำคัญ ดังนั้นนอกจากความคุ้มค่าแล้ว ttb reserve จะช่วยทำให้เงินงอกเงย และไม่สะดุดเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเกิดจากการวางแผนในทุก Journey สำหรับการส่งบุตรหลานไปเรียนต่อต่างประเทศ

 

การวางแผนการเงินก่อนการเดินทาง ด้วยการออมเงินผ่านบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ Foreign Currency Deposit (FCD) 

 

แน่นอนว่าการเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ได้เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน แต่เกิดจากการเตรียมการที่ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ หรืออย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งนอกจากจะต้องหาข้อมูลว่าจะไปเรียนต่อที่ไหนดี อีกเรื่องที่ต้องเตรียมคือการเงิน

 

“ปกติแล้วการเตรียมเงินคือแบ่งเงินก้อนออกมาไว้ เพื่อรอจ่ายค่าเทอม ค่าที่พัก และอื่นๆ แต่สำหรับ ttb reserve เรามีโซลูชันที่ช่วยให้ผู้ปกครองเริ่มทยอยออมเงินเป็นสกุลเงินต่างประเทศสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น โดยเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศที่จะทำให้เงินก้อนดังกล่าวสามารถงอกเงยขึ้นจากดอกเบี้ยถึง 4.35% ต่อปี สำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากของ ttb ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการบริหารเงินสกุลเงินต่างประเทศ และรองรับได้หลายสกุลเงิน พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน” บุษรัตน์กล่าว

 

 

พูดไปอาจไม่เห็นภาพ เราจึงขอยกตัวอย่างว่า หากใช้เงิน 1 ล้านบาท แปลงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 35.5 บาท จะได้ประมาณ 28,169 ดอลลาร์สหรัฐ หากฝากใน FCD 1 ปีจะได้ดอกเบี้ย 1,242.37 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อรวมเงินฝากและดอกเบี้ยก็จะได้เงินรวมกัน 29,411 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง ณ วันครบกำหนด ผู้ปกครองสามารถตัดจ่ายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐไปเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเงิน แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราฝากเงิน 1 ล้านบาทนั้นไว้ในบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป นอกจากดอกเบี้ยต่ำแล้ว ถ้าถึงวันที่ต้องใช้เงินแล้วค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับสูงขึ้นไปอีก เงินก้อนนั้นก็จะมีมูลค่าน้อยลงทันที

 

หมายเหตุ:

• ดอกเบี้ยยังไม่ได้คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% 
• การฝากเงิน FCD มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน USD เมื่อครบกำหนด 12 เดือน ตัวเลขข้างต้นคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนแบบประมาณการที่ 35.50 USD เท่า 1 บาท
• บัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศไม่ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงิน
• อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับวันที่ลูกค้าถอน หรือเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน

 

การฝากใน FCD ยังมีความพิเศษสำหรับลูกค้า ttb reserve ได้รับยกเว้นเงินขั้นต่ำการเปิดบัญชี และค่าธรรมเนียมเงินคงเหลือขั้นต่ำรายเดือน

 

 

นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถสร้างเงินให้งอกเงยช่วงเตรียมเดินทาง ด้วยการลงทุนระยะกลางหรือยาวใน Foreign Currency Bond (FCY Bond) และ Structured Note (หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่ออกโดย ttb) 

 

หากสามารถลงทุนระยะยาวได้ การกระจายการลงทุนไป ‘ตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ’ (FCY Bond) จะให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศเป็นตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ที่เสนอขายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เช่น สกุลดอลลาร์สหรัฐ หรือสกุลของเยนญี่ปุ่น ออกโดยธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ รวมถึงรัฐบาลในต่างประเทศที่มีความน่าเชื่อถือสูง  

 

เป็นทางเลือกในการลงทุนในสกุลเงินตราต่างประเทศสำหรับลูกค้า High Net Worth ที่ต้องการผลตอบแทนสูง ระยะการลงทุนปานกลางถึงยาว ซึ่งมีจุดเด่นคือผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก เป็นแหล่งรายได้ที่สม่ำเสมอ และช่วยกระจายพอร์ตการลงทุนให้หลากหลายมากขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมี ‘หุ้นกู้อนุพันธ์แฝง’ (Structured Note) ซึ่งเป็นตราสารการเงินที่ผสมผสานระหว่างหุ้นกู้กับตราสารอนุพันธ์ มีลักษณะพื้นฐานที่เหมือนกับหุ้นกู้ทั่วไป แต่การจ่ายผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยจะอ้างอิงกับตัวแปรหรือสินทรัพย์อ้างอิงต่างๆ ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-6% แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่า 

 

โดยมีจุดเด่นอยู่ที่สามารถเลือกลงทุนได้ในสภาวะตลาดที่หลากหลาย และผู้ซื้อสามารถเลือกลงทุนในตราสารให้ตรงกับระยะเวลาและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น (Yield Enhancement)  

 

ตัวช่วยในการใช้จ่ายอย่างสะดวกและง่ายในการโอนเงินข้ามประเทศ

 

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ก็มาถึงช่วงเวลาที่ลูกจะเดินทางไปเรียนต่างประเทศ แน่นอนสิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองอาจกังวลคือช่องทางการโอนเงิน จะทำอย่างไรให้แน่ใจว่าโรงเรียนจะได้รับเงินค่าเทอมแน่นอน และค่าใช้จ่ายในการโอนเงินต่างๆ ถูก-แพงต่างกันอย่างไร

 

 

จุดนี้บุษรัตน์อธิบายว่าไม่ต้องห่วงเลย เพราะมี ‘แอปพลิเคชัน ttb touch’ ที่สามารถโอนเงิน 6 สกุลเงินหลักของโลกไปยัง 34 ประเทศปลายทางได้อย่างเรียลไทม์ โดยโอนวันนี้ พรุ่งนี้ได้รับทันที และสามารถตรวจสอบสถานะของเงินได้ทันที นอกจากนี้ทาง ttb ยังมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาเพื่อให้ผู้ปกครองอุ่นใจยิ่งขึ้น

 

“เราคิดค่าธรรมเนียมเพียง 150 บาทต่อครั้ง ซึ่งเป็นการโอนเต็มจำนวน ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในตลาด ปกติค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 350-450 บาท และหากต้องการโอนเต็มจำนวนก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 750 บาท ซึ่งในส่วนนี้ ttb นอกจากทำให้การโอนเงินเป็นเรื่องง่าย ยังช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองอีกด้วย”

 

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือการใช้ชีวิตในต่างประเทศ บางครั้งอาจเกิดค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ซึ่งหากจะรอให้ผู้ปกครองโอนเงินให้ก็อาจไม่ทัน ดังนั้นตัวช่วยที่ดีที่สุดคือ ‘บัตรเครดิต’

 

ในจุดนี้ทาง ttb reserve มีตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผู้ปกครองอุ่นใจได้ด้วย ‘บัตรเครดิต ttb reserve’ เป็นบัตรเครดิตสำหรับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง หรือ Wealth ที่มี AUM กับ ttb ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปสำหรับ Signature และ 30 ล้านบาทขึ้นไปสำหรับ Infinite 

 

บัตรเครดิต ttb reserve เป็นบัตรที่เหมาะกับการใช้งานในต่างประเทศ โดยเป็นบัตรเดียวที่มีจุดเด่นอยู่ที่ฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินต่างประเทศ 2.5% เมื่อรูดเป็นสกุลเงินต่างประเทศ หรือใช้จ่ายที่ต่างประเทศ ที่สำคัญบัตรนี้ให้คะแนนสูงจากทุกการใช้จ่าย 10 บาท รับ 1 คะแนน และรับคะแนน 2 เท่าเมื่อรูดออนไลน์ (5 บาท รับ 1 คะแนน) 

 

 

ช่วงที่ต้องเดินทางไปส่งลูกเพื่อเรียนต่อ สามารถจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักผ่านออนไลน์ จะได้รับคะแนน 2 เท่า พร้อมทั้งใช้บริการห้องรับรองที่สนามบินทั่วโลกได้ 2 ครั้งต่อปี และช่วงที่ลูกกำลังศึกษาอยู่ พ่อแม่ก็สามารถสมัครใช้เป็น ‘บัตรเสริม ttb reserve’ ให้ลูกไว้ใช้จ่ายต่างประเทศ สะดวก ไม่ต้องโอน ไม่ต้องแลกเงิน พร้อมฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน และยังได้รับคะแนนสูงจากเอกสิทธิ์ของบัตรอีกด้วย

 

“ในทุกก้าวของการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ในการบริหารการเงิน ด้วยโซลูชันของ ttb เหล่านี้จะทำให้พ่อแม่อุ่นใจได้มากขึ้น ซึ่งทางธนาคารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในทุกๆ Journey เพราะทุกย่างที่ก้าวเดินย่อมมาจากการวางแผนที่ดี” บุษรัตน์กล่าวทิ้งท้าย

 

ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/ttb-reserve