โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา วิจารณ์ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ว่าเป็นผู้นำเผด็จการ หลังเกิดวิวาทะระหว่างผู้นำสองประเทศ โดยทรัมป์อ้างว่า เซเลนสกีปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในยูเครน โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนที่จัดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อปี 2019 หรือราว 6 ปีก่อน ทรัมป์ยังอ้างอีกว่า เซเลนสกีมีคะแนนนิยมตกต่ำลงอย่างมากในหมู่ชาวยูเครนเหลือเพียงราว 4% เท่านั้น
ทางด้านทำเนียบขาวชี้แจงว่า การวิจารณ์ดังกล่าวของทรัมป์ เป็นการแสดงความไม่พอใจและตอบโต้ผู้นำยูเครนที่ระบุว่า ทรัมป์กำลังอยู่ท่ามกลางข้อมูลเท็จที่ได้รับการปั่นกระแสและตีข่าวโดยรัสเซีย ขณะที่เซเลนสกียืนยันว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า 58% ของชาวยูเครนยังเชื่อมั่นในตัวเขาในฐานะผู้นำยูเครน พร้อมทั้งชี้แจงว่า ตัวเลข 4% ที่ทรัมป์กล่าวอ้างนั้นมาจากฝั่งรัสเซีย
ขณะนี้ยูเครนยังคงอยู่ภายใต้การประกาศกฎอัยการศึก ตั้งแต่เหตุกองทัพรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งจะทำให้ยูเครนไม่มีการจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในช่วงเวลานี้ แม้ตามหลักการ หากอยู่ในสภาวการณ์ปกติ เซเลนสกีได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนครบ 5 ปีแล้ว และต้องจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่
วิวาทะที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงรอยร้าวของผู้นำทั้งสองประเทศ และอาจจะยิ่งทำให้เซเลนสกีตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากเขาต้องอาศัยอำนาจและการสนับสนุนของทรัมป์ และสหรัฐฯ เพื่อป้องปรามรัสเซีย หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนดำเนินมาเกือบ 3 ปีเต็มแล้ว
นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้กล่าวโจมตีผู้นำยุโรปว่า พวกเขาล้มเหลวในการผลักดันให้เกิดสันติภาพขึ้นภายในภูมิภาค สงครามในยูเครนมีความสำคัญต่อยุโรปมากกว่าสหรัฐฯ เรามีมหาสมุทรที่กว้างใหญ่และสวยงามเป็นตัวแบ่งคั่นระหว่างเรา สะท้อนทิศทางความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างสหรัฐฯ-ยุโรปอย่างมาก อีกทั้งการเจรจาระหว่างผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซีย ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสงครามยูเครน ก็ไม่ได้เปิดพื้นที่ให้กับผู้แทนบรรดาชาติยุโรปหรือยูเครนเข้าร่วมด้วยแต่อย่างใด
นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองว่า แนวทางของรัฐบาลทรัมป์โน้มเอียงไปในทิศทางที่จะโดดเดี่ยวตัวเองมากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มถอยห่างจากปมขัดแย้งหรือประเด็นต่างๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อสหรัฐฯ
ทางด้านวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียยืนยันว่า ไม่มีใครกีดกันยูเครนออกจากขั้นตอนการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับสงครามรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้
ภาพ: Shannon Stapleton / Reuters
อ้างอิง:
