สหรัฐฯ เตรียมสั่งการทหาร 800 นาย ประจำจุดตามพรมแดนเม็กซิโก ก่อนคาราวานผู้อพยพเดินทางเข้าประเทศ

เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เตรียมสั่งการเคลื่อนกำลังทหารกว่า 800 นาย ประจำตามแนวพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ป้องกันกองคาราวานจากลาตินอเมริกาเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประณามผู้นำรัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่ไม่สามารถจัดการกับพลเมืองของประเทศตนได้ พร้อมขู่ตัดเงินช่วยเหลือแก่ฮอนดูรัส กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์

ขณะนี้กองคาราวานผู้อพยพที่มีผู้เข้าร่วมเดินทางกว่า 7,000 คน ได้เดินทางมาถึงเมืองมาปัสเตเปก ในรัฐเชียปาสของเม็กซิโก โดยพวกเขากำลังมุ่งหน้าสู่เมืองพิจิเจียปัน (Pijijiapan) ใกล้พรมแดนสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องใช้เวลานานอีกหลายสัปดาห์ ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่หนีการประหัตประหาร ความรุนแรงและปัญหาความยากจนในประเทศบ้านเกิด เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ก็ได้มีการสั่งการให้กองทัพเคลื่อนกำลังพลเข้าช่วยเหลือทหารลาดตระเวนตามแนวชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ร่วม 6,000 นายมาแล้ว หรือแม้แต่ในสมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา เอง ก็มีการสั่งเคลื่อนกำลังพลกว่า 1,200 นายให้ประจำการในลักษณะนี้เช่นกัน

วันนี้ (26 ต.ค.) ผู้นำสหรัฐฯ ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวระบุว่า “ถึงกลุ่มกองคาราวานทั้งหลาย จงหันหลังกลับไปซะ พวกเราจะไม่ยินยอมให้ใครเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายเด็ดขาด จงกลับไปยังประเทศของคุณ และถ้าคุณต้องการที่จะอยู่ในสหรัฐฯ กรุณายื่นเรื่องสมัครขอสิทธิความเป็นพลเมืองอย่างที่ใครหลายล้านคนกำลังทำอยู่ในขณะนี้”

ผู้อพยพจำนวนมากอ้างว่า ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อหาสถานที่หลบภัย ซึ่งคุณสมบัติสำคัญที่จะได้รับการพิจารณาคือ พวกเขาจะต้องหลบหนีการประหัตประหาร ภัยสงครามและความรุนแรง โดยเราอาจจะเรียกเขาว่า ผู้ลี้ภัย ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แต่หากคนกลุ่มนี้เดินทางออกนอกประเทศโดยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจและความยากจน พวกเขาอาจไม่สามารถถูกปฏิบัติในฐานะผู้ลี้ภัยได้

หลายฝ่ายมองว่า ทรัมป์จะเลือกใช้ประเด็นของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยในการดึงเสียงสนับสนุนพรรครีพับลิกันในช่วงก่อนการเลือกตั้งมิดเทอมจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งกองคาราวานกลุ่มนี้อาจจะทำให้สถานการณ์ของชาวละตินในสหรัฐฯ ยากลำบากขึ้น และอาจถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทางในที่สุด

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: