ตะวันออกกลาง คือหนึ่งในภูมิภาคที่เกิดความขัดแย้งมากที่สุดภูมิภาคหนึ่งในโลก และ ‘กรุงเยรูซาเลม (Jerusalem)’ ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ขัดแย้งมาโดยตลอด โดยเฉพาะชาวยิวในอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ที่ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนดังกล่าวด้วยกันทั้งคู่
ทางการสหรัฐฯ เผยก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า นายทรัมป์เตรียมที่จะประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล แม้ว่าชาวปาเลสไตน์จะยืนยันว่า เยรูซาเลมตะวันออกก็เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงของตนในอนาคตเช่นกัน โดยสหรัฐฯ จะเป็นชาติเเรกในประชาคมโลกที่ประกาศให้พื้นที่พิพาทดังกล่าวเป็นของอิสราเอล นับตั้งแต่มีการก่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นในปี 1948
นอกจากนี้ยังเผยอีกว่า จะมีการย้ายสถานทูตของสหรัฐจากเทล อาวีฟ (Tel Aviv) ไปยังกรุงเยรูซาเลมอีกด้วย แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลานานอีกหลายปี ซึ่งการรับรองดังกล่าวเป็นหนึ่งในคำมั่นที่เขาได้ให้ไว้กับกลุ่มสนับสนุนอิสราเอลเมื่อช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา
บรรดารัฐอาหรับ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศต่างแสดงความกังวลต่อท่าทีที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาเกรงว่า การรับรองนี้จะยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆ ภายในภูมิภาคนี้แย่ลง รวมถึงเป็นการทำลายกระบวนการสันติภาพภายในภูมิภาคที่หลายฝ่ายพยายามมาโดยตลอด
ในปัจจุบันมีชาวยิวมากกว่า 2 แสนคนอาศัยอยู่ในเยรูซาเลมตะวันออก และค่อยๆ รุกล้ำพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ โดยอ้างเหตุผลทางประวัติศาสตร์ ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากกลายเป็นคนพลัดถิ่น และดินแดนปาเลสไตน์เองก็ยังไม่ได้รับการรับรองจากประชาคมโลกในฐานะรัฐโดยสมบูรณ์เช่นเดียวกัน
Photo: AFP
อ้างอิง: