ลิเวอร์พูลกลับมาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งในพรีเมียร์ลีก เมื่อเปิดแอนฟิลด์ต้อนบอร์นมัธไปได้แบบขาดลอยถึง 3-0
นอกเหนือจาก 2 ประตูของ หลุยส์ ดิอาซ และประตูปลดล็อกหัวใจของ ดาร์วิน นูนเญซ แล้ว คนที่ได้รับเสียงชื่นชมไม่น้อยคือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาที่กลับมาคืนฟอร์มสุดยอดในฤดูกาลนี้ ซึ่งในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นคนทำเกมขึ้นมาก่อนผ่านบอลให้ปีกชาวโคลอมเบียทำประตูที่ 2
ลูกดังกล่าวทำให้ฟูลแบ็กสายเลือดสเกาเซอร์แท้ๆ มีส่วนร่วมกับการได้ประตู (ทำประตูเองและทำแอสซิสต์) ให้กับลิเวอร์พูลครบ 100 ลูก (19 ประตู 81 แอสซิสต์) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่มหัศจรรย์เมื่อคิดถึงตำแหน่งของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เป็นแบ็กขวาและด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น
แต่หลังจบเกมดังกล่าว ‘เทรนต์’ กลายเป็นนักเตะอีกคนหนึ่งที่ออกมาพูดถึงเรื่องอนาคตของตัวเองในแอนฟิลด์ ซึ่งเหลือสัญญาถึงเพียงแค่จบฤดูกาลนี้เท่านั้น
และต้องบอกว่า เป็นการออกมาเปิดใจที่ทำให้เดอะค็อปตั้งคำถามถึงอนาคตของนักเตะที่หลายคนเคยมั่นใจว่าจะเป็นเสาหลัก อยู่คู่สโมสรไปตลอดชีวิตที่เหลือ
นับตั้งแต่ได้รับโอกาสจาก เจอร์เกน คล็อปป์ ในฤดูกาล 2016/17 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นักเตะสายเลือดแท้ของสโมสรและชาวเมืองที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
1 แชมเปียนส์ลีก, 1 เอฟเอคัพ, 2 ลีกคัพ, 1 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ, 1 แชมป์สโมสรโลก และเหนือสิ่งอื่นใดคือ 1 แชมป์พรีเมียร์ลีก ที่แม้แต่ตำนานตลอดกาลรุ่นก่อนอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ก็ทำไม่สำเร็จ
จากผู้เล่นริมเส้นฝั่งขวาในทีมเยาวชน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกขัดเกลาจนกลายเป็นหนึ่งในแบ็กขวาที่เก่งที่สุดของอังกฤษและของโลก โดยเฉพาะความสามารถพิเศษในการเป็นคนสร้างสรรค์เกมได้อย่างหลากหลาย จะเปิดสั้น เปิดยาว เปิดเรียด ไปจนถึงลูกยิงไกลและฟรีคิกที่แม่นยำ
พรสวรรค์ของเขาเป็นหนึ่งไม่มีสอง ไม่ต้องมองหาคู่แข่งที่เล่นได้แบบเดียวกันหรือคล้ายกันในยุคนี้
นอกเหนือจากความสำเร็จในสนามแล้ว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่อง เป็นคนที่วางตัวดีมาตลอด ซึ่งเป็นผลจากการดูแลสั่งสอนอย่างดีของครอบครัว ที่สอนให้รู้จักการเสียสละและอุทิศตนเพื่อคนอื่น
ในยามว่างเขามักจะไปช่วยงานตามฟู้ดแบงก์ เพื่อแจกจ่ายอาหารและข้าวของให้แก่ผู้ยากไร้อย่างไม่ถือตัว
และแม้จะมีข่าวออกเดตกับ ไอริส ลอว์ ลูกสาวแก้วตาดวงใจของ จูด ลอว์ พระเอกชื่อก้องโลก แต่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ไม่เคยมีข่าวอื้อฉาวให้เสื่อมเสีย ทั้งๆ ที่สถานะในปัจจุบันก็จัดว่าเป็นซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษ
ด้วยรักและผูกพัน ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาจะอยู่กับลิเวอร์พูลจนวันสุดท้าย
ตลอดไปไม่มีจริง?
หลังเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะบอร์นมัธได้ 3-0 แบ็กขวาวัย 25 ปีที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ท็อปฟอร์มทั้งสภาพร่างกายและความมั่นใจกลับคืนมาเต็มเปี่ยม ไม่ได้โดดเด่นแค่เกมรุก แต่ยังตั้งใจเล่นเกมรับ จนนายใหญ่ อาร์เน สลอต ต้องออกปากชม ได้ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของเขา
เท้าความไปนิดว่าก่อนหน้านี้สื่อพยายามติดต่อสอบถามเรื่องการเจรจาสัญญาของเขากับลิเวอร์พูลมาตลอด เพราะสัญญาฉบับปัจจุบันมีระยะเวลาเหลือเพียงแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
จนกระทั่งหลังเกมแชมเปียนส์ลีกเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งลิเวอร์พูลบุกไปเอาชนะเอซี มิลาน ได้ 3-1 แบ็กขวาจอมบุกได้ให้สัญญากับสื่อมวลชนว่าจะเปิดใจในเรื่องนี้หลังเกมพรีเมียร์ลีกกับบอร์นมัธ ซึ่งกลายเป็นการส่งสัญญาณที่น่าสนใจ
ในถ้อยคำทั้งหมดมี 3 ประเด็นใหญ่ด้วยกัน
อย่างแรกเลย เทรนต์ไม่อาจการันตีอนาคตของเขากับสโมสรได้ แต่บอกเพียงแค่ว่า “ผมต้องการจะเป็นนักเตะของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ (เป็นขั้นต่ำ) นี่คือสิ่งที่ผมจะบอก”
คำพูดนี้ฟังแล้วอาจจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ในมุมผู้สื่อข่าวที่มีประสบการณ์อย่าง เจมส์ เพียร์ซ จาก The Athletic ที่คร่ำหวอดในการทำข่าวทีมลิเวอร์พูลมายาวนาน มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาไม่สามารถจะให้คำมั่น (Commit) อะไรกับสาธารณะได้มากกว่าสัญญาที่เหลืออยู่กับสโมสร
การออกตัวแบบนี้ไม่ถือเป็นการกดดันสโมสรในทางตรง ซึ่งอาจกระทบต่อกระบวนการเจรจาต่อสัญญา
อย่างต่อมาคือ ในเรื่องกระบวนการเจรจาต่อสัญญานั้น เป็นสิ่งที่จะพูดคุยเป็นการภายในระหว่างสองฝ่าย ไม่มีการเปิดเผยให้ภายนอกได้รับรู้
“ผมอยู่กับสโมสรมา 20 ปีแล้วในตอนนี้ ผมเซ็นสัญญาใหม่มา 4-5 ครั้ง และไม่มีสักครั้งที่มันจะเปิดเผยต่อสาธารณะ การต่อสัญญาครั้งนี้ก็จะไม่เปิดเผยด้วยเช่นกัน”
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับอนาคต
แต่อย่างสุดท้ายที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บอก เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะมีผลต่อการต่อสัญญาโดยตรง
“ถ้าจะให้ผมพูดตรงๆ แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือถ้วยรางวัล” เทรนต์กล่าว “ผมอยากจะคว้าแชมป์เยอะๆ ผมเป็นผู้เล่นที่ถูกกระตุ้นได้ด้วยการคว้าชัยชนะและการได้เป็นนักเตะในระดับสูงสุด สิ่งนี้น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเหนือกว่าเรื่องอื่น ถ้าเป็นคนที่อยากจะอยู่ในระดับสูงสุด จะเป็นคนที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการอยากจะชนะและพยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาเพื่อชัยชนะ”
เรื่องนี้เป็นการโยนคำถามกลับมาถึงลิเวอร์พูลว่า พวกเขายังมีเป้าหมาย (Goal) และความทะเยอทะยาน (Ambition) ที่เท่าเทียมกับเขาหรือไม่ เพราะแม้ว่าจะกวาดแชมป์ครบทั้งคอลเล็กชันแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาลิเวอร์พูลห่างจากความสำเร็จในรายการอย่างพรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ในขณะที่สโมสรคู่แข่งหลายทีมพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไล่ตามทัน ทั้งการหานักเตะฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทีมมากมายหรือการหาโค้ชระดับท็อปมาคุมทีม ลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในทีมที่ใช้งบประมาณในการทำทีมอย่างจำกัดจำเขี่ยและถูกตั้งคำถามถึงเรื่องของความทะเยอทะยาน แม้ว่าในสนามจะทำผลงานได้น่าประทับใจแค่ไหนก็ตาม
ความเสียหายที่ไม่อาจประเมินค่าได้
สถานการณ์ในปัจจุบัน คนที่ถือไพ่เหนือกว่าไม่ใช่สโมสร แต่เป็นนักเตะอย่างเทรนต์เองที่อีกเพียงแค่ 2 เดือนเศษก็สามารถเปิดการเจรจากับสโมสรใดในโลกก็ได้อย่างอิสระ และหากตกลงกันได้ก็สามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว
หากลิเวอร์พูลจะต้องสูญเสียแบ็กขวาลูกหม้อคนนี้ไปแบบฟรีๆ ถือเป็นความสูญเสียที่ยากจะประเมินค่าได้ ซึ่งไม่ได้มีแค่ในเชิงของมิติกีฬากับการทำทีมเท่านั้น แต่มีเรื่องของธุรกิจ ไปจนถึงเรื่องของสังคมในฐานะที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นนักเตะต้นแบบที่เป็นแรงบันดาลใจของเด็กๆ รุ่นต่อไปอีกมากมาย
ความจริงสถานการณ์ไม่ควรจะมาถึงจุดนี้ได้ เพราะเทรนต์ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสโมสรในระดับแตะต้องไม่ได้ เพียงแต่ปัญหาการขาดผู้อำนวยการสโมสรที่จะทำหน้าที่จริงจังในฤดูกาลที่แล้ว และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อคล็อปป์ประกาศวางมือหลังคุมทีมมา 9 ปี ทำให้สโมสรต้องใช้เวลาในการตั้งหลัก
กว่าทุกอย่างจะลงตัวได้ ริชาร์ด ฮิวจ์ส มานั่งแท่นผู้อำนวยการสโมสรคนใหม่ (และมี ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ อดีตผู้อำนวยการ มาเป็นคนคุมอยู่ด้านบนอีกที) และได้สลอตมาคุมทีม เวลาก็ล่วงมามากแล้ว
ไม่นับช่วงเวลาที่นายใหญ่คนใหม่ชาวดัตช์ต้องการประเมินนักเตะทุกคน ซึ่งก็รวมถึงตัวของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ด้วยว่ายังเหมาะสมที่จะเป็นตัวหลักของทีมในอนาคตหรือไม่ ทำให้การเจรจาสัญญาใหม่มีความคืบหน้าค่อนข้างช้า
แต่เชื่อได้ ข้างหลังภาพนั้นมีการพูดคุยกันอยู่ระหว่างสองฝ่ายแน่นอน
ชุดแดงหรือชุดขาว?
มาถึงคำถามสำคัญที่สุดที่หลายคนแอบคิดในใจ
การออกมาส่งสัญญาณแบบนี้เป็นการบอกทางอ้อมเกี่ยวกับอนาคตว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อยากจะย้ายไปอยู่กับทีมที่กวาดแชมป์เป็นว่าเล่นอย่างเรอัล มาดริด ซึ่งมีกระแสข่าวเชื่อมโยงมาพักใหญ่หรือไม่?
เรื่องนี้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่หากประเมินจากสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมแล้ว ‘มีโอกาส’ ที่ลิเวอร์พูลจะเสียหนึ่งในนักเตะคนสำคัญที่สุดของสโมสรไปให้กับยักษ์ใหญ่ของสเปน
อย่างแรกเลย เรอัล มาดริด กับภาพของความสำเร็จเป็นของคู่กัน ถือว่าผ่านคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดอยู่แล้ว
อย่างต่อมาคือ ที่ซานติอาโก เบอร์นาบิว อุดมไปด้วยนักเตะระดับนามอุโฆษที่เป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งทีม คีเลียน เอ็มบัปเป, วินิซิอุส จูเนียร์, โรดริโก, เอ็นดริก, เฟเดริโก วาลเวร์เด, เอดูอาร์ด คามาแวงกา และ โอเรเลียง ชูอาเมนี
รวมถึง จูด เบลลิงแฮม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่กำลังถูกมองว่าเล่นบท ‘เอเจนต์จูด’ อยู่
อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในบทแบ็กขวาคนใหม่ของเรอัล มาดริด ที่จะทดแทนจอมเก๋า ดานี การ์บาฆาล ถือเป็นตัวเลือกที่ดูดีทีเดียว
และอีกอย่างหนึ่ง เรอัล มาดริด ถนัดในการใช้วิธีการดึงนักเตะระดับท็อปของสโมสรยักษ์ใหญ่ด้วยการรอให้หมดสัญญา ซึ่งทำสำเร็จมาแล้วในรายของเอ็มบัปเป
กับลิเวอร์พูล แบ็กขวาที่ปีกลายถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต้องบอกว่าไม่มีอะไรต้องพิสูจน์เมื่อกวาดแชมป์ครบทุกรายการแล้ว
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเรื่องของ ‘ความรัก’ และ ‘ความภักดี’ เพียงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็น ‘ค่านิยม’ ที่นักฟุตบอลสมัยใหม่อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่าในอดีต
ความจริงแม้แต่ในอดีตก็มีตัวท็อปของลิเวอร์พูลที่ย้ายออกไปค้าแข้งกับทีมที่ดูท้าทายกว่าหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เอียน รัช (ยูเวนตุส), เฟอร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี), หลุยส์ ซัวเรซ หรือ ฟิลิปป์ คูตินโญ (บาร์เซโลนาทั้งคู่)
กับเรอัล มาดริด ก็เคยมี สตีฟ แม็คมานามาน และ ไมเคิล โอเวน ที่เก็บข้าวของไปแบบแสบสันอยู่
สำหรับเทรนต์ หากจะตัดสินใจไปโดยมองเรื่องของความสำเร็จมาก่อน ก็เป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ ชีวิตหนึ่งของนักฟุตบอลทุกคนอยากไปให้ไกลและสูงที่สุดทั้งนั้น
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโอกาสที่จะต่อสัญญาใหม่กับลิเวอร์พูลไม่มี
ทุกอย่างยังเป็นไปได้และเปิดกว้าง
เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดเหนือทุกอย่างคือเรื่องของใจ ว่าเจ้าตัวมองเห็นภาพของตัวเองในชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดสีแดงเพลิงออกไหม?
อ้างอิง: