สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Toyota Motor ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังวางแผนขยายกำลังการผลิตรถยนต์ไฮบริดในตลาดอินเดีย หลังพบอัตราการใช้ไฮบริดเพิ่มขึ้นในอินเดีย ซึ่งอาจสวนทางนโยบายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ที่กำลังมุ่งเน้นนโยบายไปที่การผลักดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยที่ผ่านมาได้เสนอเงินทุนหลายล้านดอลลาร์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการกระตุ้นให้บริษัทรถยนต์และบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเข้ามาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในประเทศให้มากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันอินเดียเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพียง 5% ในขณะที่ภาษีรถยนต์ไฮบริดสูงถึง 43% ซึ่งต่ำกว่าภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินไม่มากนัก อยู่ที่ 48% ดังนั้น Toyota จึงเสนอว่า เนื่องจากรถยนต์ไฮบริดได้รับความนิยมมากขึ้น การเก็บภาษีที่ต่างกันไม่มากที่ 5% เมื่อเทียบกับรถยนต์เบนซินนั้นอาจไม่เหมาะสม และเมื่อพิจารณาการใช้รถยนต์ไฮบริดก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่าไม่แพ้ EV
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
Toyota ยังระบุในข้อเสนออีกว่า ส่วนต่างภาษีของรถยนต์เบนซินควรอยู่ที่ 11% สำหรับรุ่นไฮบริด และ 14% สำหรับรุ่น Flex Hybrid ซึ่งเท่ากับอัตราภาษี 37% สำหรับรถไฮบริด และ 34% สำหรับรถไฮบริดแบบยืดหยุ่น ซึ่งควรจัดเก็บในอัตราที่ลดลง 14% และ 21% ตามลำดับให้เหมาะสม
เพิ่มความหลากหลายทั้งไฮบริด EV ไฮโดรเจน
สำหรับตลาดอินเดีย Toyota ไฮบริดได้รับความนิยมในรุ่น Prius แต่ต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่แตกต่างระหว่างจากนักลงทุนและกลุ่มที่สนับสนุนสภาพภูมิอากาศที่ยังคงสนับสนุนรถยนต์ไฮบริด
ซึ่งส่วนนี้ Toyota กล่าวว่า เวลานี้ไฮบริดอาจเหมาะกับตลาดอินเดียมากกว่า เพราะตลาดรถยนต์ EV ยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่พร้อมมากนัก
“วิธีที่ดีที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน คือการใช้พลังงานทางเลือก ทั้งพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทน ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด และปัจจุบัน Toyota เองก็พัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน เราจำเป็นต้องใช้แนวทางหลากหลาย เพื่อแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ”
นอกจากนี้ ภายใต้ข้อเสนอข้างต้น Toyota ยังขอให้รัฐบาลอินเดียสนับสนุนผู้ซื้อรถยนต์ไฮบริด โดยนำมาตรการภาครัฐมาจูงใจให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อด้วย เพราะขณะนี้มาตรการดังกล่าวมีให้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เท่านั้น
อ้างอิง: