ถึงตอนนี้ปาฏิหาริย์ดูจะไม่ได้เกิดขึ้นที่แอนฟิลด์เพียงแห่งเดียว แต่กับที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา ก็มีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์เช่นกัน ซึ่งรอบนี้เกิดขึ้นกับทีมร่วมลีกอย่าง ‘ท็อตแนม ฮอตสเปอร์’ ที่เลือกจะโยนแท็กติกทิ้งไป แล้วใช้แรงใจและกายเข้าสู้อย่างสุดความสามารถ จนฝ่าด่านหินปราการสุดท้ายอย่าง ‘อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม’ ด้วยผลรวม 2 นัด 3-3 แต่เป็นสเปอร์ฯ ที่ผ่านเข้าชิงด้วยกฎอเวย์โกล พร้อมเปิดประตูสู่รอบชิงชนะเลิศไปดวลกับลิเวอร์พูล ที่สร้างปาฏิหาริย์ไปก่อนแล้ว
THE STANDARD รวมภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากค่ำคืนที่ไม่ใช่เพียงแฟนบอลของสเปอร์ฯ แต่หมายถึงทุกคนที่ชมเกมในสนาม หน้าจอโทรทัศน์ และโทรศัพท์มือถือ จะไม่มีวันลืม
Pochettino Time!
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นอาการสะใจแบบออกหน้าออกตา จากชายที่มีมาดสุขุมและเย็นชาอย่าง เมาริซิโอ โปเชตติโน ซึ่งการกระทำของกุนซือวัย 47 ปี ที่แสดงออกมาอย่างสุดเหวี่ยง เป็นเหมือนดั่งการปลดปล่อยพลังและอารมณ์ที่ก่อตัวอยู่ภายในใจมาเนิ่นนาน จากการถูกมองว่าเป็นโค้ชท่าดีทีเหลว ไม่ประสบความสำเร็จกับการพาทีมคว้าแชมป์เลยสักถ้วยเดียว นับตั้งแต่ก้าวมาคุมทีมในปี 2014 แต่วันนี้เขาได้ทำให้เห็นแล้วว่า ความพยายามและความทุ่มเทที่มอบให้กับทีมมาตลอดเกือบ 5 ปี อาจจะกำลังมอบของขวัญตอบแทนให้กับเขาและทีมก็ได้
ลูคัส มูรา กลับมาแล้ว…
ลูคัส มูรา ฮีโร่ของทีม ที่รับหน้าที่เป็นคนกู้สถานการณ์และจุดประกายความหวังที่ใกล้ดับลงเต็มทีให้กับทีมอีกครั้ง ชายผู้ที่กำลังเกิดใหม่ภายใต้แบรนด์ ‘ท็อตแนม ฮอตสเปอร์’ หลังจากที่ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ การย้ายไปค้าแข้งกับเปแอสเช ท่ามกลางดาวล้นทีม จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่วันนี้เขาเลือกเดินออกมา เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์ต่อความฉกาจในฝีเท้าที่เขามี และแน่นอนว่า วันนี้เขาทำได้แล้ว
เกมที่ใช้หัวใจมากกว่าแท็กติก
“มันเป็นเกมที่ไม่ได้เล่นกันด้วยแท็กติก แต่มันเป็นเรื่องของการต่อสู้ด้วยหัวใจ” นี่คือประโยคที่ คริสเตียน เอริคเซน ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้แฟนบอลได้เห็นว่า พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ และสิ่งนี้นี่เองที่เปรียบเสมือนกุญแจสู่ความสำเร็จของพวกเขา ทั้งที่จบครึ่งแรกด้วยการตามหลังอาแจกซ์ฯ แบบประตูรวม 3-0 ก่อนจะเหมารวด 3-3 ในเวลาที่เหลือ
ความโหดร้ายของโลกฟุตบอล
ในขณะที่ผู้เล่นหลายคนกำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับการฉลองแชมป์ ก็มีบางคนที่เลือกสละเวลาฉลองชัยชั่วครู่มาปลอบใจกับคนที่ฝันสลาย โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ เดินเข้ามาปลอบใจ ดูซาน ทาดิช กองหน้าของทีมอาแจกซ์ฯ ซึ่งในสายตาของทั้งสองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะทั้งคู่เคยร่วมทีมเซาแธมป์ตันด้วยกันมาก่อนในช่วงปี 2014 และเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า ในภาพของความสวยงาม มักจะมีความโหดร้ายซ่อนตัวอยู่ในนั้นเสมอ เพราะถึงจุดนี้ ต้องมีทีมเดียวเท่านั้นที่ได้ไปต่อ
ครั้งแรกกับนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก
ผลการแข่งขันเมื่อคืนได้ก่อให้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่กับสโมสร ‘ท็อตแนม ฮอตสเปอร์’ เพราะรอบชิงชนะเลิศที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ขุนพลไก่เดือยทองจะได้เข้าชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากเคยเข้าชิงถ้วยยูฟ่าคัพในปี 1984 หรือประมาณ 34 ปีที่แล้ว